: ข่าวด่วน ทันเหตุการณ์ เศรษฐกิจ การลงทุน หุ้น อสังหาริมทรัพย์ ไอที-เทคโนฯ รถยนต์ ท่องเที่ยว ต่างประเทศ รวดเร็วสดใหม่ทุกวัน 
เควิน โอ’ลีรี กล่าวว่าเขา 'อยากทำข้อตกลงกับ TikTok' แต่กฎหมายไม่อนุญาตให้ทำเช่นนั้น
CNBC CHINA ECONOMY Tech : Dylan Butts @in/dylan-b-7a451a107
จุดสำคัญ
โอ’ลีรี กล่าวว่า เขาสนใจข้อตกลงที่ทรัมป์ เสนอเพื่อให้เจ้าของชาวอเมริกัน เข้ามาถือหุ้นร้อยละ 50 ในแพลตฟอร์มดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม นักธุรกิจและนักลงทุนชาวแคนาดา กล่าวว่า ภายใต้กฎหมายในปัจจุบัน ข้อตกลงดังกล่าว ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้
เมื่อวันอังคาร ทรัมป์ กล่าวว่า เขาจะพิจารณาความเป็นไปได้ที่อีลอน มัสก์ ซีอีโอของ Tesla หรือแลร์รี เอลลิสัน ประธานบริษัท Oracle จะซื้อ TikTok
Kevin O’Leary is seen in Midtown Manhattan, New York City, on May 28, 2024.
James Devaney | Gc Images | Getty Images
นักลงทุนชาวแคนาดา Kevin O’Leary ยังคงสนใจข้อตกลงกับ TikTok แต่เขาบอกกับ CNBC ว่า ไม่สามารถทำได้ภายใต้กฎหมายปัจจุบัน เนื่องจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ขยายกำหนดเวลาสำหรับการแบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียดังกล่าวออกไป
ในฐานะส่วนหนึ่งของคำสั่งฝ่ายบริหารชุดหนึ่งเมื่อวันจันทร์ ทรัมป์ได้เลื่อนการบังคับใช้กฎหมายที่จะห้าม TikTok ในสหรัฐอเมริกาออกไป 75 วัน โดยให้ “มีโอกาสในการตัดสินใจว่าจะดำเนินการอย่างไรที่เหมาะสม”
ทรัมป์ ได้สัญญาถึงการเคลื่อนไหวดังกล่าวในโพสต์โซเชียลมีเดียเมื่อวันอาทิตย์ และยังได้เสนอข้อตกลงที่จะทำให้แพลตฟอร์ม ซึ่งเป็นของยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีจากจีนอย่าง ByteDance ยังคงดำเนินการภายใต้การร่วมทุนที่มีสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 50 ของอเมริกา
“ข้อตกลง 50/50 นี้ ฉันอยากจะร่วมงานกับทรัมป์ และผู้ซื้อรายอื่นๆ ก็อยากทำเช่นกัน ... แต่ปัญหาของแนวคิดบางอย่างก็คือมันขัดแย้งกับคำตัดสินของศาลฎีกา” โอ’ลีรี ซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางจากบทบาทของเขาในรายการ 'Shark Tank'ของ ABC กล่าว
นักลงทุนประกาศว่า เขาพร้อมด้วย 'The People’s Bid for TikTok' ซึ่งนำโดย Frank McCourt ผู้ก่อตั้ง Project Liberty ได้เสนอเงินสด 20,000 ล้านดอลลาร์ให้กับ ByteDance เพื่อซื้อแพลตฟอร์มนี้ในการปรากฏตัวในรายการ“America’s Newsroom”ของ Fox News
เมื่อพูดคุยกับ CNBC เขาได้กล่าวว่าข้อตกลงที่เสนอไม่ได้รวมถึงอัลกอริทึม TikTok ของ ByteDance ซึ่งเป็นจุดสำคัญในการตรวจสอบโดยสมาชิกรัฐสภาของสหรัฐฯ และเสริมว่ากลุ่มของเขาก็มีทางเลือกของตัวเองด้วย
เพื่อให้ TikTok สามารถออนไลน์ได้ภายใต้ กฎหมาย Protecting Americans from Foreign Adversary Controlled Applications Actหรือ PAFACA ที่ลงนามเมื่อปีที่แล้ว ByteDance จะต้องขายกิจการภายในวันอาทิตย์ ไม่เช่นนั้นคำสั่งห้ามจะมีผลบังคับใช้
TikTok หยุดให้บริการชั่วคราวในสหรัฐฯ หลังศาลฎีกาตัดสินให้ PAFACA เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดเมื่อวันศุกร์ แต่กลับมาให้บริการอีกครั้งหลังจากทรัมป์ให้คำรับรอง
McCourt ยืนยันกับ CNBC ว่า ทีมงาน Project Liberty ยังคง ”พร้อมที่จะทำงานร่วมกันกับรัฐบาลทรัมป์ ByteDance และกลุ่มพันธมิตรอเมริกัน” เพื่อสรุปข้อตกลงและรักษา TikTok ให้ออนไลน์ต่อไป
“Project Liberty มีเทคโนโลยีที่ได้รับการพิสูจน์แล้วซึ่งมีการใช้งานอยู่แล้วและนำเสนอแนวทางที่ชัดเจนในการแก้ไขปัญหาความมั่นคงแห่งชาติของรัฐสภาขณะเดียวกันก็ทำให้ TikTok ทำงานได้อย่างต่อเนื่อง” เขากล่าวเสริม
อุปสรรคทางกฎหมาย
บริษัทต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับ TikTok มีปฏิกิริยาที่แตกต่างกันต่อคำสั่งของทรัมป์ ผู้ให้บริการ เช่น Oracle และ Akamai เต็มใจที่จะให้ TikTok อยู่บนอินเทอร์เน็ต ในขณะที่ Apple และ Google ยังคงต้องกู้คืนแอปของ ByteDance บนร้านค้าของตน
ตามที่ O’Leary กล่าว แม้ว่า การขยายเวลาการแบนของทรัมป์จะส่งผลให้บริษัทต่างๆ เช่น Oracle และ Akamai ได้รับการคุ้มครอง แต่ยังไม่ชัดเจนว่ากำหนดเวลาในการขายหุ้นของ ByteDance จะขยายออกไปหรือไม่
“สิ่งที่เราต้องการจริงๆ แล้วไม่ใช่การขยายเวลาออกไป 75 วัน สิ่งที่เราต้องการคือการกลับไปขอให้รัฐสภาเปิดคำสั่งและจัดเตรียมทางเลือกใหม่เหล่านี้ เนื่องจากยังไม่มีการจัดเตรียมทางเลือกเหล่านี้ในตอนนี้” เขากล่าว
“ผมอยากทำข้อตกลงหากกฎหมายกำหนดไว้ แต่ผมไม่สามารถฝ่าฝืนคำสั่งของรัฐสภาได้” เขากล่าวเสริม
ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายที่ให้สัมภาษณ์กับ CNBC ยอมรับว่า สถานะทางกฎหมายของ TikTok และคำสั่งฝ่ายบริหารของทรัมป์ยังคงไม่ชัดเจน และความพยายามใดๆ ที่จะทำข้อตกลงเพื่อแพลตฟอร์มนี้อาจเผชิญกับความท้าทาย
“คำสั่งดังกล่าวไม่สอดคล้องกับกฎหมาย รัฐสภาได้ระบุวันที่และขั้นตอนบางอย่างไว้ในกฎหมายอย่างรอบคอบ ซึ่งศาลฎีกาแห่งสหรัฐอเมริกาเห็นว่าถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ” คาร์ล โทเบียส ศาสตราจารย์ด้านกฎหมายที่มหาวิทยาลัยริชมอนด์กล่าว
“ด้วยเหตุนี้ ศาลของรัฐบาลกลางจึงสามารถพบว่าคำสั่งดังกล่าวละเมิดกฎหมายและถือเป็นโมฆะได้” เขากล่าว และตั้งข้อสังเกตว่าการดำเนินการดังกล่าวอาจต้องใช้เวลานานหากรัฐบาลอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ซาราห์ เครปส์ ผู้อำนวยการสถาบันนโยบายเทคโนโลยีแห่งมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ เห็นด้วยที่คำสั่งของฝ่ายบริหารไม่สอดคล้องกับคำตัดสินของศาลฎีกา และเสริมว่าคำสั่งดังกล่าวไม่ได้กล่าวถึงความคืบหน้าในการโอนกิจการที่มีคุณสมบัติแต่อย่างใด
เนื่องจากผู้ที่ละเมิดข้อห้ามของ TikTok อาจต้องเผชิญกับค่าปรับหลายพันล้านดอลลาร์ ดังนั้นการที่ฝ่ายต่างๆ จะยึดถือคำรับรองของทรัมป์เกี่ยวกับกฎหมายและคำตัดสินของศาลฎีกาแห่งสหรัฐอเมริกาจึงไม่ใช่เรื่องรอบคอบนัก Kreps กล่าว
“พวกเขากำลังพนันกับกฎหมายและให้ความศรัทธาอย่างมากต่ออำนาจบริหาร” เธอกล่าวเสริม
จีนผ่อนปรนท่าที?
ในเดือนมีนาคมของปีที่แล้ว O’Leary บอกกับ CNBC ว่า TikTok อาจทำเงินได้ 20,000-30,000 ล้านเหรียญสหรัฐ จากตลาด ซึ่งถือว่าเป็นส่วนลดที่สูงมาก เนื่องจากการขายใดๆ ก็ตามน่าจะไม่รวมอัลกอริทึมของแพลตฟอร์ม
อย่างไรก็ตาม มูลค่าของข้อตกลงที่มีศักยภาพกลับเป็นโอกาสในการได้รับแบรนด์ในประเทศที่แข็งแกร่งอย่าง TikTok และมีผู้ใช้มากกว่า 100 ล้านคนเขากล่าว
ในช่วงเวลาที่การสนทนาเกี่ยวกับการขาย TikTok เริ่มเพิ่มมากขึ้น รัฐบาลจีนถูกมองว่าเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการขาย ByteDance
อย่างไรก็ตาม ปักกิ่งเพิ่งส่งสัญญาณเปิดกว้างต่อข้อตกลงที่จะทำให้บริษัทสหรัฐฯ ได้เข้ามาเป็นเจ้าของแพลตฟอร์มดังกล่าว
“เมื่อพูดถึงการดำเนินการเช่นการดำเนินงานและการซื้อกิจการ เราเชื่อว่าบริษัทต่างๆ ควรตัดสินใจอย่างเป็นอิสระตามหลักการตลาด” โฆษกปักกิ่งกล่าวกับนักข่าวเมื่อวันจันทร์ เมื่อถูกถามเกี่ยวกับข้อเสนอ TikTok ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
ตามที่ O’Leary กล่าว การขาย ByteDance ที่อาจเกิดขึ้นนั้นคาดว่าจะต้องมีการเจรจาระหว่างทรัมป์กับประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีน
“ผมมีสิทธิ์ที่จะขายหรือปิด TikTok ก็ได้ และเราจะตัดสินใจเรื่องนี้ และอาจต้องได้รับการอนุมัติจากจีนด้วย” ทรัมป์กล่าวกับนักข่าวหลังจากเข้ารับตำแหน่ง
ขณะลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหาร ประธานาธิบดีได้เสนอแนะว่าเขาสามารถเรียกเก็บภาษีจากจีนได้หากปักกิ่งไม่อนุมัติข้อตกลงกับ TikTok ของสหรัฐฯ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เขายังกล่าวอีกว่าเขาจะพิจารณาความเป็นไปได้ที่ Elon Musk ซีอีโอ ของ Tesla หรือ Larry Ellisonประธานของ Oracle จะซื้อแพลตฟอร์มดังกล่าว
ในขณะเดียวกัน โอ’ลีรีกล่าวกับ CNBC ว่า เขาอยู่ที่วอชิงตันเพื่อทำงานเกี่ยวกับข้อตกลง TikTok ที่อาจเกิดขึ้นกับสมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ
