โบรกฯเชียร์ ‘ซื้อ’ PCE เคาะเป้าราคาสูง 3.60 บ./หุ้น ชูจุดเด่นผู้นำอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มของประเทศ คาดปี 68 ดีมานด์ในตลาดโลกเพิ่มขึ้นดันรายได้พุ่ง
กูรูหุ้นแนะนำ “ซื้อ” PCE ประเมินราคาเหมาะสมปี 68 ที่ 3.60 บาท/หุ้น ในฐานะผู้นำในอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มของประเทศ รับอานิสงส์ราคาน้ำมันปาล์มพุ่ง หนุนกำไรปี 67 พุ่ง คาดปี 68 เติบโตต่อเนื่องจากดีมานด์ในตลาดโลกเพิ่มขึ้น
บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด เผยแพร่บทวิเคราะห์หุ้น บริษัท เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) (PCE) ผู้นำอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มแบบครบวงจร โดยแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสมที่ 3.60 บาท จากการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มของประเทศ ได้ประโยชน์จากการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันปาล์มใน 4QTD และยังมีแนวโน้มอยู่ระดับสูงต่อเนื่องช่วง 1 เดือนข้างหน้า ราคาปัจจุบันมี Dividend Yield ปี 2567-2568 ที่ 2.6-3.5%
ทั้งนี้ 2568 คาดแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง หนุนจากอุปสงค์ในตลาดโลกเพิ่มขึ้น หลังอินโดนีเซียปรับเพิ่มอัตราผสมไบโอดีเซลเป็น B40 ซึ่ง PCE มีความได้เปรียบในตลาดส่งออกเนื่องจากเป็นผู้ส่งออกน้ำมันปาล์มรายใหญ่ของประเทศ อีกทั้งยังรับรู้ปริมาณขายไบโอดีเซลภายใต้สัญญาขายกับลูกค้ารายใหม่ และผลิตภัณฑ์ใหม่ RBDPKO ที่เริ่มจำหน่ายในปี 2567 เต็มปี
ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์ ไอร่า จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ยังคงแนะนำ “ซื้อ” PCE ประเมินราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 3.50 บาท (P/E 16 เท่า) โดยมองว่า ราคาน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) ในช่วง 4Q/2567 ต่อเนื่องถึงช่วง 1Q/2568 คาดจะยังอยู่ในระดับสูง ผลจากภาวะแล้งในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ปริมาณผลผลิตออกมาน้อยกว่าปกติ ล่าสุด ราคาน้ำมันปาล์มดิบตลาดไทยอยู่ที่ 53-54 บาท/กิโลกรัม เพิ่มขึ้น 60% จาก 33.25 บาท/กิโลกรัม ในช่วงปลายเดือน ก.ค. ซึ่งส่งผลดีต่อ PCE โดยตรง
“เราคาดสถานการณ์ผลผลิตปาล์มที่ออกมาน้อยจะเริ่มคลี่คลาย ในช่วง 1Q/2568 หลังจากไทยเริ่มเข้าสู่ภาวะ La Nina จะทำให้มีฝนตกมากขึ้นในภาคใต้ของไทย”
บริษัทหลักทรัพย์ ไอร่า ระบุว่า แนวโน้มการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบยังเติบโตดี และยังได้รับประโยชน์ หลังจากอินเดียปรับลดภาษีนำเข้าลงจาก 7.5% เป็น 5.0% ในช่วงต้นปี 2567 และคาดความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์มทั้งจากจีนและทวีปยุโรป ยังมีแนวโน้มเติบโตดี
นอกจากนี้ การที่อินโดนีเซียมีนโยบายที่จะเพิ่มส่วนผสมน้ำมันไบโอดีเซล จากปัจจุบันที่ B35 เป็น B40 ในปี 2568 จะส่งผลดีโดยตรงต่อ PCE ซึ่งเป็นผู้ส่งออกน้ำมันปาล์มดิบรายใหญ่ของไทย โดยโอกาสเติบโตในอนาคต จะมาจากทั้งการส่งออกที่จะเพิ่มขึ้นทั้ง CPO และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่อง ซึ่งมี margin สูง ทั้งในที่ใช้ในอุตสาหกรรมผลิตและอาหาร ตลอดจนความร่วมมือกับบางจากในการขาย B100 และน้ำมันประกอบอาหารที่ใช้แล้วสำหรับโครงการเชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน (SAF) ที่คาดว่าจะเริ่มดำเนินการช่วงต้นปี 2568
1039