บล.เอเซีย พลัส l บทวิเคราะห์กลยุทธ์การลงทุนหุ้นต่างประเทศรายวัน Global Daily Insight 16 เมษายน 2568
● ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ผันผวนและปิดลบเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (DJIA -0.38%, S&P500 -0.17% และ Nasdaq -0.05%) จากความไม่แน่นอนของนโยบายการปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าของสหรัฐฯ ขณะที่ประเด็นดังกล่าวได้กดดันต่อราคาน้ำมันดิบให้ปรับตัวลง หลัง OPEC ได้มีการหั่นคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกในปี 2025 ลง 1.5 แสนบาร์เรลต่อวัน สู่ระดับ 1.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน (vs. เดิมคาด 1.45 ล้านบาร์เรลต่อวัน) สอดคล้องกับมุมมองของสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) ที่ประเมินว่าความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกในปีนี้จะขยายตัวในอัตราที่ช้าที่สุดในรอบ 5 ปี
● เมื่อวันศุกร์ (11 เม.ย.) ทางสหรัฐฯ ได้มีการประกาศยกเว้นภาษีสำหรับสมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์บางรายการที่นำเข้าจากจีน อย่างไรก็ดี Trump ได้แสดงความเห็นในภายหลังว่าการยกเว้นภาษีเหล่านี้จะเป็นเพียงชั่วคราวเท่านั้น ซึ่งสอดรับกับที่ Trump ได้ขู่ไว้ก่อนหน้านี้สำหรับการปรับขึ้นภาษีศุลกากรในรายกลุ่มสินค้าที่สหรัฐฯ มองว่าถูกเอาเปรียบจากประเทศคู่ค้า (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมใน Stock Highlight หน้า 4 และรายงาน Weekly Strategy ฉบับวันที่ 14 เม.ย.)
● นอกจากนี้ มีรายงานว่ารัฐบาลจีนได้สั่งให้สายการบินต่างๆ ในประเทศ งดรับมอบเครื่องบิน Boeing ล็อตใหม่ เพื่อโต้ตอบสหรัฐฯ ในประเด็นเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีนในอัตราสูงที่ 145% ส่งผลให้ราคาหุ้น Boeing ร่วงลงกว่า 2.4% วานนี้
● ทางด้านราคาหุ้นในกลุ่มยานยนต์ อาทิ Ford (-2.7%) และ GM (-1.3%) ปรับตัวลงเช่นเดียวกัน หลังนักวิเคราะห์ Barclays ได้ปรับลดคำแนะนำการลงทุนในหุ้นกลุ่มรถยนต์ของสหรัฐฯ แม้มีรายงานว่า Trump อาจกำลังพิจารณาผ่อนผันให้แก่บริษัทรถยนต์บางรายที่กำลังปรับเปลี่ยนซัพพลายเชนเพื่อรับมือกับต้นทุนนำเข้าที่สูงขึ้นจากนโยบายภาษีศุลกากร ขณะที่นักวิเคราะห์จาก Barclays ได้ประเมินว่าเศรษฐกิจยูโรโซนอาจเข้าสู่ภาวะถดถอยได้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 จากความขัดแย้งในเรื่องสงครามการค้า ทั้งนี้ ตลาดคาดว่า ECB จะมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ในผลการประชุมวันพรุ่งนี้ (17 เม.ย.)
● อย่างไรก็ดี ราคาหุ้นในกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นจากรายงานผลประกอบการออกมาแข็งแกร่ง โดยราคาหุ้น Bank of America +3.6% (รายได้และกำไรดีกว่าตลาดคาด 2.2% และ 10.4% ตามลำดับ) และ Citigroup +1.8% (รายได้และกำไรดีกว่าตลาดคาด 1.5% และ 6.5% ตามลำดับ)
● LVMH รายงานผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2025 ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ โดยรายได้รวมอยู่ที่ 2.03 หมื่นล้านยูโร สะท้อนการลดลงของยอดขายแบบ Organic ที่ -3% YoY เทียบกับที่ตลาดคาดว่าจะเติบโต +1.1% สะท้อนความกังวลของนักลงทุนต่อแนวโน้มรายได้ในอุตสาหกรรมสินค้าหรู ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว และแรงกดดันจากนโยบายการค้ารอบใหม่ของรัฐบาล Trump
อ่านบทวิเคราะห์ฉบับเต็ม >> Global Daily Insight
4328