ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดระยะเวลาเริ่มดำเนินการจัดเก็บเงินสะสมและเงินสมทบเพื่อเป็นทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง พ.ศ. .... ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราการจ่ายเงินสะสมและเงินสมทบที่จะต้องส่งให้แก่กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการสำหรับนายจ้างจัดให้มีการสงเคราะห์แก่ลูกจ้างในกรณีที่ลูกจ้างออกจากงานหรือตาย พ.ศ. .... รวม 3 ฉบับ
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ 1) ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดระยะเวลาเริ่มดำเนินการจัดเก็บเงินสะสมและเงินสมทบเพื่อเป็นทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง พ.ศ. ..... 2) ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราการจ่ายเงินสะสมและเงินสมทบที่จะต้องส่งให้แก่กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง พ.ศ. .... และ 3. ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการสำหรับนายจ้างจัดให้มีการสงเคราะห์แก่ลูกจ้างในกรณีที่ลูกจ้างออกจากงานหรือตาย พ.ศ. ..... รวม 3 ฉบับ ตามที่กระทรวงแรงงาน (รง.) เสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว โดยให้แก้ไขร่างพระราชกฤษฎีกาและร่างกฎกระทรวง รวม 3 ฉบับดังกล่าว ในส่วนของวันเริ่มดำเนินการจัดเก็บเงินสะสมและเงินสมทบกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างและวันใช้บังคับให้เป็นไปตามข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และให้ดำเนินการต่อไปได้ รวมทั้งให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ธนาคารแห่งประเทศไทย และสำนักงบประมาณ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
สาระสำคัญของเรื่อง
1. ร่างพระราชกฤษฎีกาและร่างกฎกระทรวง รวม 3 ฉบับ ที่กระทรวงแรงงานเสนอ เป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ต่างๆ เกี่ยวกับการดำเนินการจัดเก็บเงินสะสมจากลูกจ้างและเงินสมทบจากนายจ้าง เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนและสร้างหลักประกันในการทำงานให้กับลูกจ้างกรณีออกจากงานหรือตาย และสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ที่กำหนดให้มีกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างเพื่อจัดเก็บเงินสะสมจากลูกจ้างและเงินสมทบจากนายจ้าง เพื่อเป็นทุนสงเคราะห์ลูกจ้างในกรณีดังกล่าวพร้อมดอกผล รวมถึงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเพื่อเป็นทางเลือกให้นายจ้างที่จัดให้มีการสงเคราะห์แก่ลูกจ้างตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดจะได้รับการยกเว้นให้ลูกจ้างไม่จำต้องเป็นสมาชิกกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ซึ่งถือเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนและเป็นหลักประกันในการทำงานให้กับลูกจ้างเช่นเดียวกัน กระทรวงแรงงานจึงได้ยกร่างพระราชกฤษฎีกาและ ร่างกฎกระทรวงรวม 3 ฉบับดังกล่าว ซึ่งคณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างเห็นชอบแล้ว
2. สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีมีข้อสังเกตว่า โดยที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ธนาคารแห่งประเทศไทย และสำนักงบประมาณ มีข้อสังเกตในประเด็นเดียวกันว่า ร่างพระราชกฤษฎีกาและร่างกฎกระทรวงในเรื่องนี้ รวม 3 ฉบับอาจก่อให้เกิดผลกระทบและภาระทางการเงินต่อลูกจ้างและนายจ้างในการส่งเงินเข้ากองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างดังกล่าว ดังนั้น เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับลูกจ้างและนายจ้างและเพื่อให้กระทรวงแรงงานได้ประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับหลักเกณฑ์และสิทธิประโยชน์ต่างๆ ของกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทราบ รวมถึงเพื่อไม่ให้เป็นภาระของประชาชนมากเกินสมควร จึงควรปรับแก้ไขร่างพระราชกฤษฎีกาและร่างกฎกระทรวงในเรื่องนี้ รวม 3 ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ดังนี้
2.1 แก้ไขวันเริ่มดำเนินการจัดเก็บเงินสะสมและเงินสมทบฯ ในร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดระยะเวลาเริ่มดำเนินการจัดเก็บเงินสะสมและเงินสมทบกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง พ.ศ. .... จาก “ให้ดำเนินการจัดเก็บเงินสะสมและเงินสมทบกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ตั้งวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2568 เป็นต้นไป” เป็น “ให้ดำเนินการจัดเก็บเงินสะสมและเงินสมทบกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2568 เป็นต้นไป”
2.2 แก้ไขวันใช้บังคับร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราเงินสะสมและเงินสมทบกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง พ.ศ. ... จาก “กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2568 เป็นต้นไป” เป็น “กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2568 เป็นต้นไป” โดยกำหนดอัตราเงินสะสมจากลูกจ้างและเงินสมทบจากนายจ้างที่แต่ละฝ่ายจะต้องนำส่งเข้ากองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ดังนี้
2.2.1 จาก “ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2568 ถึงวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ 2573” เป็น “ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2568 ถึงวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2573” ลูกจ้างและนายจ้าง (แต่ละฝ่าย) ต้องนำส่งเข้ากองทุนฯ ในอัตราร้อยละ 0.25 ของค่าจ้าง
2.2.2 จาก “ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2573 เป็นต้นไป” เป็น “ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2573 เป็นต้นไป” ลูกจ้างและนายจ้าง (แต่ละฝ่าย) ต้องนำส่งเข้ากองทุนฯ ในอัตราร้อยละ 0.5 ของค่าจ้าง
2.2.3 แก้ไขวันใช้บังคับร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการจัดการสงเคราะห์แก่ลูกจ้างในกรณีที่ลูกจ้างออกจากงานหรือตาย พ.ศ. .... จาก “กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2568 เป็นต้นไป” เป็น “กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2568 เป็นต้นไป”
(โปรดตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีที่เป็นทางการจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง)
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร (นายกรัฐมนตรี) 5 พฤศจิกายน 2567
11109