หมวดหมู่: บริษัทจดทะเบียน

TRIS7 6


ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กร’บ.สหกลอิควิปเมนท์’ ที่ ‘BBB-‘แนวโน้ม ‘Stable’

 ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท สหกลอิควิปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ ‘BBB-‘ ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ‘Stable’ หรือ ‘คงที่’

โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงความแข็งแกร่งด้านการแข่งขันในการเป็นผู้รับเหมาทำเหมืองแร่ และกระแสเงินสดที่คาดการณ์ได้จากการมีสัญญาจ้างงานระยะยาวกับเจ้าของงานที่มีความน่าเชื่อถือ อันดับเครดิตถูกลดทอนบางส่วนจากขอบเขตธุรกิจที่จำกัดของบริษัท

ซึ่งต้องพึ่งพาโครงการขนาดใหญ่เพียงไม่กี่โครงการ มูลค่างานในมือที่ลดลงและภาระหนี้ที่อยู่ในระดับสูง นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงความกังวลของทริสเรทติ้งเกี่ยวกับต้นทุนวัสดุก่อสร้างและค่าแรงที่เพิ่มขึ้นซึ่งอาจกดดันอัตรากำไรของบริษัทในระยะสั้นถึงระยะปานกลางอีกด้วย

 

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

มีจุดแข็งในการรับเหมาทำเหมืองแร่และมีกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอจากสัญญาระยะยาว

บริษัทให้บริการรับเหมาทำเหมืองแร่ที่ครอบคลุมโดยมีผลงานเป็นที่ยอมรับมาอย่างยาวนานในการทำเหมืองแร่ทั้งในรูปแบบผู้รับเหมาหลักหรือในรูปแบบผู้ปฏิบัติการร่วมในโครงการขุดขนดินและถ่านหินที่เหมืองแม่เมาะของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) มาแล้วหลายโครงการ

โดยตลอดระยะเวลามากกว่า 30 ปีที่ผ่านมา บริษัทมีความแข็งแกร่งด้านการแข่งขันที่สั่งสมมาจากการมีทีมวิศวกรเหมืองแร่ที่มีประสบการณ์สูงและมีเครื่องจักรเฉพาะที่ใช้ในงานเหมืองแร่ที่มีความพร้อม

บริษัทดำเนินงานโครงการเหมืองแร่ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) มาตั้งแต่ปี 2558 โดยล่าสุดบริษัทมีสัญญาให้บริการทำเหมืองถ่านหินลิกไนต์กับ Hongsa Power Co., Ltd. (HPC) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตไฟฟ้าระดับแนวหน้าใน สปป.ลาว โครงการนี้ถือว่าเป็นการเริ่มต้นการขยายงานในต่างประเทศของบริษัท ปัจจุบัน HPC ยังคงป้อนงานที่เกี่ยวข้องกับเหมืองหงสาให้แก่บริษัทอย่างต่อเนื่อง

บริษัทมีกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอจากการมีสัญญาจ้างงานระยะยาวและมีผู้ว่าจ้างที่มีความเสี่ยงด้านเครดิตในระดับต่ำ ได้แก่ กฟผ. และ HPC ซึ่งโดยทั่วไปสัญญาการขุดเหมืองจะมีระยะเวลาช่วงละ 10 ปี

 

มีความเสี่ยงสูงจากการกระจุกตัวของโครงการและมูลค่างานในมือที่ลดลงกดดันสถานะทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง

บริษัทมุ่งเน้นเฉพาะธุรกิจเหมืองถ่านหินซึ่งปัจจุบันมีโอกาสเติบโตที่จำกัดมาก ยิ่งไปกว่านั้น งานในมือของบริษัทประกอบด้วยโครงการจากผู้ว่าจ้างรายใหญ่เพียง 2 ราย คือ กฟผ. และ HPC ณ เดือนมีนาคม 2566 บริษัทมีมูลค่างานในมือที่ยังไม่ส่งมอบจำนวน 1.77 หมื่นล้านบาท ลดลงจาก 2.26 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2565 โดยโครงการหลักๆ

ประกอบด้วยโครงการขุดขนดินและถ่านหินที่เหมืองแม่เมาะ ระยะที่ 8 มูลค่า 5.7 พันล้านบาท โครงการเหมืองหงสา ระยะ D มูลค่า 5.2 พันล้านบาท และโครงการที่ต่อเนื่องจากเหมืองหงสาซึ่งประกอบด้วยโครงการก่อสร้างระบบสายพานเพื่อส่งมอบผู้ว่าจ้าง (Build Lease & Transfer -- BLT) โครงการบริหารจัดการและซ่อมบำรุงระบบสายพานลำเลียง และโครงการขยายขอบบ่อขุดทางทิศเหนือ โดยประมาณ 87% ของมูลค่างานที่ยังไม่ส่งมอบมีกำหนดจะแล้วเสร็จในช่วงปี 2567-2570 และส่วนที่เหลือจะแล้วเสร็จในปี 2576

ปัจจุบันโครงการเหมืองแม่เมาะเป็นแหล่งรายได้หลักที่คิดเป็นสัดส่วนถึงประมาณ 65%-70% ของรายได้ของบริษัท ขณะที่ส่วนที่เหลือมาจากโครงการเหมืองหงสา ดังนั้น หากโครงการใดโครงการหนึ่งของบริษัทมีผลการดำเนินงานที่ต่ำกว่าคาดอย่างมีนัยสำคัญก็จะส่งผลกระทบต่อสถานะทางการเงินโดยรวมของบริษัทโดยตรง ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากงานในมือของบริษัทที่จะหมดลงเรื่อย ๆ ตามระยะเวลาส่งมอบงาน

ความสำเร็จของการประมูลโครงการเหมืองแม่เมาะ ระยะที่ 10 และโครงการเหมืองหงสา ระยะ G ซึ่งจะประมูลงานในปี 2567 และ 2570 ตามลำดับ จะมีความสำคัญต่อบริษัทเป็นอย่างยิ่งต่อโอกาสทางธุรกิจในระยะยาว

จากการที่ประเทศไทยมีโครงการเหมืองแร่ใหม่น้อย บริษัทจึงมองหาโอกาสขยายงานไปสู่ธุรกิจอื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน อย่างไรก็ตาม จำนวนเงินลงทุนและกรอบระยะเวลาของบริษัทยังไม่แน่นอน

 

อัตรากำไรขั้นต้นยังคงถูกกดดัน

ผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงปี 2565 และไตรมาสแรกของปี 2566 ต่ำกว่าประมาณการของทริสเรทติ้ง กล่าวคือ รายได้ของบริษัทในปี 2565 และในไตรมาสแรกของปี 2566 อยู่ที่ระดับ 5.2 พันล้านบาทและ 1.3 พันล้านบาทตามลำดับ

ขณะที่บริษัทรายงานอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ระดับ 16.2% ในปี 2565 และ 18.2% ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2566 ลดลงจากระดับ 20%-22% ในปี 2563-2564 ซึ่งอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทได้รับผลกระทบจากราคาวัตถุระเบิดและราคาเชื้อเพลิงที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงค่าซ่อมแซมและบำรุงรักษาที่สูงขึ้นตามรอบการใช้งานอีกด้วย

ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาจากมูลค่างานในมือที่ยังไม่ส่งมอบของบริษัทแล้ว ทริสเรทติ้งประมาณการว่าบริษัทจะมีรายได้สูงสุดอยู่ที่ประมาณ 6.8 พันล้านบาทในปี 2566 และจะลดลงมาอยู่ที่ 4.6 พันล้านบาทในปี 2567 และ 3.6 พันล้านบาทในปี 2568 ในกรณีที่ไม่มีสัญญางานใหม่เข้ามาเพิ่ม

ทริสเรทติ้ง คาดว่า อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทในปี 2566 จะลดลงไปอยู่ที่ระดับ 13%-14% ท่ามกลางการเพิ่มขึ้นของต้นทุนค่าวัสดุก่อสร้างและรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากโครงการ BLT ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ต่ำกว่า อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทน่าจะปรับเพิ่มไปอยู่ที่ระดับ 20%-21% ในปีถัดๆ ไป กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของบริษัทคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 1.5 พันล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2566-2567 และเหลือ 0.9 พันล้านบาทในปี 2568 อีกทั้ง EBITDA Margin ของบริษัทน่าจะอยู่ในช่วง 25%-30% ตลอดช่วงเวลาประมาณการ

 

ภาระหนี้ยังอยู่ระดับสูง

ภาระหนี้ของบริษัทคาดว่าจะยังคงอยู่ในระดับสูงตลอดช่วงประมาณการ ทั้งนี้ บริษัทมีภาระหนี้จำนวนมากในช่วงเริ่มต้นของแต่ละโครงการ เนื่องจากค่าใช้จ่ายลงทุนสำหรับอุปกรณ์และเครื่องจักรหนักชุดใหม่นั้นสูงมาก ดังนั้น ทริสเรทติ้งจึงคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนของบริษัทจะเพิ่มขึ้นเป็น 65%-66% ในปี 2566 จากประมาณ 62%

ณ สิ้นปี 2565 เนื่องจากบริษัทต้องลงทุนในช่วงแรกในโครงการก่อสร้าง BLT อัตราส่วนนี้คาดว่าจะลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 61%-62% ในปีถัดๆ ไป ขณะที่อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA นั้นคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 3.5-4.0 เท่า

และอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินคาดว่าจะอยู่ที่ระดับเกินกว่า 20%

เงื่อนไขทางการเงินของเงินกู้ยืมที่บริษัทมีกับธนาคารกำหนดให้บริษัทจะต้องรักษาอัตราส่วนความสามารถในการชำระหนี้ให้เกินกว่า 1.2 เท่า อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนให้ต่ำกว่า 2 เท่า และอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อ EBITDA ให้ต่ำกว่า 4 เท่า

ส่วนเงื่อนไขทางการเงินของหุ้นกู้ก็กำหนดให้บริษัทจะต้องรักษาอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนให้อยู่ในระดับต่ำกว่า 3.5 เท่า ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2566 ยกเว้นอัตราส่วนความสามารถในการชำระหนี้ บริษัทสามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขทางการเงินดังกล่าวได้

โดยอัตราส่วนความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัท ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2566 อยู่ที่ 1.0 เท่า ต่ำกว่าเกณฑ์ที่ 1.2 เท่า อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่าจะได้รับการผ่อนผันจากเจ้าหนี้ ซึ่งเงื่อนไขทางการเงินของเงินกู้ยืมจะมีการทดสอบทุกสิ้นไตรมาส ส่วนหุ้นกู้จะทดสอบทุกสิ้นปี

หนี้ส่วนใหญ่ของบริษัทเป็นหนี้ที่มีหลักประกัน ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2566 บริษัทมีอัตราส่วนหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อนต่อหนี้สินรวมอยู่ที่ระดับ 66% ซึ่งเกินกว่าเกณฑ์ที่ 50% ของทริสเรทติ้ง ดังนั้น เจ้าหนี้ที่ไม่มีหลักประกันของบริษัทจะมีความด้อยสิทธิกว่าเจ้าหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อนอย่างมีนัยสำคัญเมื่อพิจารณาจากลำดับความสำคัญในการเรียกร้องสินทรัพย์ของบริษัท

 

สภาพคล่องที่ตึงตัว

บริษัทมีสภาพคล่องที่ตึงตัว โดย ณ เดือนมีนาคม 2566 แหล่งสภาพคล่องของบริษัทประกอบไปด้วยเงินสดในมือจำนวน 211 ล้านบาทและวงเงินสินเชื่อที่ยังไม่ได้เบิกใช้อีกจำนวน 858 ล้านบาท ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าเงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทในช่วง 12 เดือนข้างหน้าจะอยู่ที่ระดับประมาณ 1.1-1.2 พันล้านบาท

ในขณะที่เงินทุนที่บริษัทจะต้องใช้ในช่วง 12 เดือนข้างหน้าประกอบด้วยภาระหนี้ที่จะครบกำหนดชำระจำนวน 2.1 พันล้านบาท ค่าใช้จ่ายลงทุนจำนวนประมาณ 0.7 พันล้านบาท และเงินปันผลจ่ายอีกประมาณ 0.1 พันล้านบาท

โดยภาระหนี้ที่จะครบกำหนดชำระในช่วง 12 เดือนข้างหน้าประกอบด้วยเงินกู้ยืมโครงการจำนวน 1.8 พันล้านบาทและหุ้นกู้อีกจำนวน 0.3 พันล้านบาท บริษัทจะชำระคืนเงินกู้ยืมโครงการด้วยเงินสดที่ได้รับตามความก้าวหน้าของโครงการ ส่วนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดชำระนั้น บริษัทมีแผนจะออกหุ้นกู้ชุดใหม่มาทดแทน

 

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

  • รายได้ของบริษัทจะเพิ่มไปสูงสุดที่ 8 พันล้านบาทในปี 2566 แล้วลดลงเหลือ 4.6 พันล้านบาทในปี 2567 และ 3.6 พันล้านบาทในปี 2568
  • EBITDA Margin คาดว่า จะอยู่ในช่วง 25%-30%
  • เงินลงทุนรวมคาดว่าจะอยู่ที่ระดับประมาณ 0.9-1.0 พันล้านบาทในช่วง 3 ปีข้างหน้า

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต ‘Stable’ หรือ ‘คงที่’ สะท้อนถึงความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงรักษาความแข็งแกร่งในด้านการแข่งขันในฐานะผู้รับเหมางานเหมืองแร่เอาไว้ได้ อีกทั้งบริษัทจะสามารถดำเนินโครงการได้ตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในสัญญาจ้างงานและสร้างกระแสเงินสดในระดับที่เหมาะสมจนจบงานตามแผน

ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้ง ก็คาดหวังว่า บริษัทจะรักษาอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินให้อยู่ที่ระดับเกินกว่า 20% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า

 

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

อันดับเครดิตอาจปรับลดลงหากผลการดำเนินงานของบริษัทลดต่ำกว่าที่คาดไว้อย่างมีนัยสำคัญ อันดับเครดิตอาจได้รับผลกระทบในด้านลบหากอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินของบริษัทอยู่ในระดับต่ำกว่า 20% อย่างต่อเนื่อง ในขณะที่การปรับเพิ่มอันดับเครดิตมีค่อนข้างจำกัด อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตหรือแนวโน้มอาจปรับเพิ่มขึ้นได้หากบริษัทประสบความสำเร็จในการกระจายแหล่งรายได้พร้อมทั้งลดภาระหนี้ลงได้อย่างมีสาระสำคัญ

 

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 15 กรกฎาคม 2565

- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงินสำหรับธุรกิจทั่วไป, 11 มกราคม 2565

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้, 15 มิถุนายน 2564

 

บริษัท สหกลอิควิปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (SQ)

อันดับเครดิตองค์กร:

BBB-

แนวโน้มอันดับเครดิต:

Stable

 

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com 

ติดต่อ This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.  โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500

   © บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2566 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้

     ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ  ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

 

 

Click Donate Support Web  

CKPower 720x100

MTL 720x100

kasat 720x100TOA 720x100

QIC 720x100

วิริยะ 720x100

AXA 720 x100

aia 720 x100

BKI 720 x 100

PTG 720x100ais 720x100

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!