พิชัย เป็นสักขีพยานการลงนาม MOU ร่วมมือการค้ากับกานซู่ เปิดทาง SME ค้าขายจีน
พิชัย เป็นสักขีพยานการลงนาม MOU ความร่วมมือด้านการค้า ระหว่างกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศกับกรมพาณิชย์มณฑลกานซู่ เผยจะช่วยสร้างโอกาสทางการค้า การส่งออก ความร่วมมือการค้าออนไลน์ ให้กับ SME ของไทยในตลาดจีน พร้อมสั่งทูตพาณิชย์จัดกิจกรรมฉลอง 50 ความสัมพันธ์เต็มที่ ชวนนักธุรกิจกานซู่ชมงานแฟร์ในไทย เพื่อหาซื้อสินค้าไทยเพิ่มขึ้น
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการหารือกับนายเริ่น เจิ้นเฮ่อ ผู้ว่าการมณฑลกานซู่ และร่วมเป็นสักขีพยานพิธีลงนาม MOU ด้านความร่วมมือด้านการค้า ระหว่างกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศกับกรมพาณิชย์มณฑลกานซู่
โดย น.ส.สุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และนายหยาง เสี่ยวผิง อธิบดีกรมพาณิชย์มณฑลกานซู่ ณ ห้องพาณิชย์สัมพันธ์ ชั้น 11 กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ว่า มณฑลกานซู่ ถือเป็นหนึ่งในมณฑลที่กระทรวงพาณิชย์ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เนื่องจากตั้งอยู่ในจุดกึ่งกลางของประเทศจีน ทำให้เป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ด้านโลจิสติกส์
ภายใต้เส้นทางระเบียงการค้าเชื่อมทางบกและทางทะเลระหว่างประเทศสายใหม่ (New International Land-Sea Trade Corridor - ILSTC) และเป็นประตูการค้าที่สามารถทำให้สินค้าไทยขยายไปสู่ตลาดในมณฑลทางภาคตะวันตกของจีนได้อย่างแพร่หลายยิ่งขึ้น
โดยการลงนาม MOU ความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นฉบับใหม่ หลังจากฉบับเดิมได้สิ้นสุดลง ซึ่งจะช่วยสร้างโอกาสทางการค้า การส่งออกให้กับผู้ประกอบการ SME ของไทย มีสาระสำคัญ คือ 1.การแลกเปลี่ยนข้อมูลนโยบายและมาตรการสนับสนุนสำหรับ SME โอกาสทางการค้าการลงทุน การจัดตั้งกิจการร่วมค้า 2.การส่งเสริมความเชื่อมโยงธุรกิจ ผ่านการเข้าร่วมงานแสดงสินค้า
3.การอำนวยความสะดวก เช่น การสัมมนา การประชุมทางธุรกิจ การจับคู่ธุรกิจ งานแสดงสินค้า การจัดคณะผู้แทนการค้า แบ่งปันข้อมูล ความรู้ ความเชี่ยวชาญทางวิชาชีพและเทคโนโลยี 4.ความร่วมมือในการขยายผลประโยชน์ทางการค้าร่วมกัน ในสินค้าและบริการหลัก เช่น อาหาร การเกษตร และโลจิสติกส์ เป็นต้น 5.ความร่วมมือด้านอีคอมเมิร์ซ การจับคู่ธุรกิจออนไลน์ และกิจกรรมอื่น ๆ โดย MOU ฉบับนี้ จะมีผลบังคับใช้ 3 ปี
ทั้งนี้ ในปี 2568 ถือเป็นปีครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ไทย-จีน ได้มอบหมายให้สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศในประเทศจีน จัดกิจกรรมส่งเสริมการค้าในมณฑลและเมืองต่างๆ เพื่อร่วมเฉลิมฉลองวาระดังกล่าวอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี และยังได้ขอบคุณผู้ว่าการมณฑลกานซู่ ที่สนับสนุนให้นำสินค้าไทยเข้าร่วมงาน Lanzhou Investment & Trade Fair
รวมทั้งได้เชิญให้นักธุรกิจกานซู่ที่ต้องการนำเข้าสินค้าไทย ให้มาร่วมชมงานแสดงสินค้า ที่ไทยมีกำหนดจัด 6 งาน ได้แก่ 1.Bangkok Gems & Jewelry Fair (ก.พ. และ ก.ย.) 2.Thaifex-Horec Asia 2025 (มี.ค.) 3.STLYE Bangkok 2025 (เม.ย.) 4.TAPA 2025 (เม.ย.) 5.Thaifex-Anuga Asia 2025 (พ.ค.) 6.Tilog-LogistiX 2025 (ส.ค.) ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการค้าระหว่างกันต่อไป
สำหรับ มูลค่าการค้าระหว่างกานซู่-ไทย ในปี 2566 มีมูลค่า 127.26 ล้านเหรียญสหรัฐ (4,363.61 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 326 แบ่งเป็นการส่งออกไปไทยมูลค่า 47.64 ล้านเหรียญสหรัฐ (1,640.40 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 63.89 และการนำเข้าจากไทย 79.62 ล้านเหรียญสหรัฐ (2,723.21 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 9,812.64 สินค้าส่งออกหลักของกานซู่ไปไทย ได้แก่
1.ทองแดงและของทำด้วยทองแดง 2.พืชผักรวมทั้งรากและหัวบางชนิดที่บริโภคได้ 3.เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ บอยเลอร์เครื่องจักร เครื่องใช้กลและส่วนประกอบ 4.ของเล่น ของเล่นเกม และของใช้ที่จำเป็นในการเล่นกีฬา ส่วนประกอบและอุปกรณ์ประกอบของของดังกล่าว 5.เครื่องจักรไฟฟ้า เครื่องอุปกรณ์ไฟฟ้า และส่วนประกอบ และสินค้านำเข้าหลักของกานซู่จากไทย ได้แก่
1.เครื่องจักรไฟฟ้า เครื่องอุปกรณ์ไฟฟ้า และส่วนประกอบ 2.เมล็ดพืชและผลไม้ที่มีน้ำมัน เมล็ด ธัญพืช เมล็ดพืชและผลไม้ เบ็ดเตล็ด พืช ที่ใช้ในอุตสาหกรรม หรือใช้เป็นยาฟาง และหญ้าแห้ง ที่ใช้เป็นอาหารสัตว์ 3.ผลไม้และลูกนัตที่บริโภคได้ เปลือก ผลไม้จาพวกส้มหรือเปลือกแตงโม 4.พืชผักรวมทั้งรากและหัวบางชนิดที่ บริโภคได้ 5.เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ บอยเลอร์เครื่องจักร เครื่องใช้กลและส่วนประกอบ