หมวดหมู่: พาณิชย์

ถกสส. สว ช่วยหนุน


พิชัย สรุปผลเยือนวอชิงตัน ดี.ซี. ถก สส.-สว. ช่วยหนุนสัมพันธ์การค้าไทย-สหรัฐฯ

พิชัย สรุปผลการเดินทางเยือนกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐฯ เผยได้พบกับเจ้าหน้าที่ระดับสูง สส. สว. หลายคน ย้ำสถานะไทยเป็นพันธมิตรสำคัญของสหรัฐฯ ชูจุดแข็งที่เอื้อต่อการค้า การลงทุน ขอให้ช่วยสนับสนุนไทยเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทานของสหรัฐฯ และสนับสนุนด้านนโยบาย เพื่อรักษาสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างกัน พร้อมเชิญชวนเอกชนสหรัฐฯ เพิ่มการลงทุนในไทยด้วย

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการนำคณะผู้แทนไทยเดินทางเยือนกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 4-8 ก.พ.2568 ว่า ได้เข้าร่วมงาน National Prayer Breakfast 2025 ที่มีนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เป็นประธาน ในการกล่าวสุนทรพจน์เปิดงาน และได้ใช้โอกาสในการสร้างเครือข่ายและแลกเปลี่ยนนโยบายด้านเศรษฐกิจกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ

สมาชิกสภาคองเกรส อาทิ สส. Robert Aderholt , สส. Tracey Mann , สว. Mike Lee , สว. Tammy Duckworth และ สว. Pete Ricketts แห่งคณะกรรมาธิการวิเทศสัมพันธ์วุฒิสภา และ สส. Adrian Smith ประธานคณะอนุกรรมการด้านการค้าภายใต้คณะกรรมาธิการพิจารณาวิธีการจัดหารายได้ เพื่อย้ำสถานะของไทยในฐานะพันธมิตรสำคัญของสหรัฐฯ ในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก

ทั้งนี้ ไทยได้ชูจุดแข็งของไทยที่เอื้อต่อการค้า การลงทุน อาทิ ความสำเร็จล่าสุดในการจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย-เอฟตา และที่ยังอยู่ระหว่างเจรจากับหลายประเทศ อาทิ สหภาพยุโรป สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เกาหลีใต้ และแคนาดา ซึ่งจะช่วยเป็นแต้มต่อเพิ่มขีดความสามารถของไทยในตลาดโลกได้อย่างมากในอนาคต รวมไปถึงไทยมีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานที่เหมาะสมกับอุตสาหกรรม Data Center และ AI ซึ่งปัจจุบันมีบริษัทยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ เช่น Google Microsoft และ Amazon เข้ามาลงทุนต่อเนื่อง

ขณะเดียวกัน ได้ผลักดันให้สหรัฐฯ สนับสนุนให้ไทยเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทานของอเมริกา ทั้งในภาคอุตสาหกรรมเทคโนโลยี เช่น เซมิคอนดักเตอร์ และ PCB รวมถึงภาคความมั่นคง เช่น การเป็นศูนย์กลางบริการด้านสุขภาพในภูมิภาค และขอแรงสนับสนุนจากระดับนโยบายของสหรัฐฯ เพื่อรักษาความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างกัน          

นายพิชัย กล่าวว่า ตนยังได้หารือกับภาคเอกชนสหรัฐฯ ผ่านสภาหอการค้าสหรัฐฯ (USCC) และสภาธุรกิจอาเซียน-สหรัฐฯ (USABC) ซึ่งมีบริษัทชั้นนำเข้าร่วมกว่า 26 บริษัท ได้แก่ Nasdaq, FedEx, The Asia Group, PepsiCo, IBM, Mars, Citi, Organin, Intel, Vriens & Partners, ConocoPhillips, Caterpillar, Seagate, Tyson Food, Apple, DGA-Albright, Stonebridge Group, BowerGroupAsia, S&P Global, Visa, Boeing, Dow, Cargill, 3M และ Viatris ที่ได้มาเข้าร่วม

“ได้ยืนยันกับภาคเอกชนสหรัฐฯ ว่า รัฐบาลภายใต้การนำของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญกับการสร้างโอกาสการค้าการลงทุน สนับสนุนให้นักลงทุนจากทั่วโลก ให้มาตั้งการผลิตในไทย ทำให้ปี 2567 ที่ผ่านมา มีการขอรับการส่งเสริมการลงทุนปี 2567 กว่า 1.13 ล้านล้านบาท สูงสุดในรอบ 10 ปี และการส่งออกโตปี 2567 โตถึง 5.4% มูลค่ากว่า 10.5 ล้านล้านบาท

อีกทั้ง ยังมีข้อตกลง Treaty of Amity ที่ให้สิทธิพิเศษแก่ธุรกิจสหรัฐฯ สามารถถือหุ้น 100% ในไทย ซึ่งเป็นสิทธิที่ไทยไม่เคยให้ประเทศอื่น และได้ใช้โอกาสนี้เชิญชวนให้เข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มเติม ทั้งเวชภัณฑ์ พลังงาน ดิจิทัล และเกษตรอาหาร โดยกระทรวงพาณิชย์ พร้อมให้การสนับสนุนในด้านนโยบายและสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ และพร้อมช่วยอำนวยความสะดวกและแก้ปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้นอย่างเต็มที่”นายพิชัยกล่าว

 

Click Donate Support Web 

PTG 720x100

MTI 720x100

Banner GPF720x100 PXTOA 720x100

EXIM One 720x90 C JMTL 720x100

SME720x100 2024

CKPower 720x100

QIC 720x100

วิริยะ 720x100

aia 720 x100

BKI 720 x 100

ธกส 720x100

ใจฟู720x100pxAXA 720 x100

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!