NETBay เป้ารายได้ปี 68 โต 10-15% ตั้ง 2 บริษัทลูกใหม่ ลุยสร้างแพลตฟอร์มพิสูจน์ตัวตน
NETBay เป็นบริษัทด้านเทคโนโลยี ที่เป็นของคนไทย 100% ดำเนินธุรกิจในการพัฒนานวตกรรมแพลตฟอร์ม ให้บริการลูกค้าในรูปแบบ Software as a Service (SaaS) และให้บริการบนระบบ Cloud Computing เพื่อเชื่อมต่อกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือเอกชน โดยเน็ตเบย์จะเก็บค่าบริการจากผู้ใช้บริการภาคเอกชน ดังนั้น ธุรกิจหลักของเน็ตเบย์ จึงเน้นไปทางด้าน B2G เป็นหลัก
และสิ่งที่เน็ตเบย์ ทำมาตลอด นอกจากการสร้างรายได้และธุรกิจให้เติบโตแล้ว คือ การพัฒนาเทคโนโลยีหรือแพลตฟอร์มที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า และสร้างเสริมทีมงานให้มีประสบการณ์ ความสามารถให้ทำงานออกมาได้อย่างดี เน็ตเบย์เป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญ และเป็นผู้ให้บริการ Digital Platform End-to-End Document Management Solutions ที่เป็นที่ไว้วางใจจากลูกค้ามาโดยตลอด
ทำได้ทุกที่ ทุกเวลา ทุกอุปกรณ์
NETBAY ได้เปิดประตูองค์กรสู่ความยั่งยืน โดยนำเอาองค์ความรู้ใหม่ๆ มาตรการ และเครื่องมือใหม่ๆ มาใช้ในการพัฒนา จัดทำ นำส่ง ใบขนสินค้าขาเข้า/ขาออก พร้อมลงลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ (e-Signature) ส่งไปยังกรมศุลกากรเพื่อขอ ปฏิบัติพิธีการศุลกากร ระหว่างประเทศและภายในประเทศ
รวมถึงการชำระภาษีอากรทางอิเล็กทรอนิกส์ (Customs Payment) และ Feature อำนวยความสะดวกมากมาย ติดตาม สถานะของใบขนสินค้า, ตรวจสอบค่าใช้จ่ายในแต่ละใบขนสินค้าได้ทันที ช่วยลดขั้นตอนการทำงาน และลดความผิดพลาด ของผู้ใช้งาน ทำใบขนสินค้าออนไลน์ได้ทุกที่ทุกเวลา
ทั้งนี้ การติดตั้งโปรแกรม สามารถติดตั้งที่เครื่อง Server ของลูกค้า หรือ HOST บนระบบ Cloud ของ NETbay เพื่อความสะดวก และสามารถใช้งานได้ทุกที่ ทุกเวลา (Web-based Solution บนเทคโนโลยี Cloud Computing เพื่อการทำงาน ได้ทุกที่ ทุกเวลา ทุกอุปกรณ์)
ตั้งเป้ารายได้ปี 68 โต 10-15%
กลยุทธ์การเติบโตในปี 2568 นางกอบกาญจนา วีระพงษ์ประดิษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เน็ตเบย์ จำกัด (มหาชน) NETBay ผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีบริหารจัดการเอกสาร เปิดเผยว่า เน็ตเบย์มีกลยุทธ์หลัก 5 แกน คือ 1) เติบโตจาก Recurring Base ซึ่งถือเป็น Organic growth 2) สร้างนวตกรรมและ Product ใหม่ๆ 3) เติบโตจากการทำงานร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจ 4) เติบโตจากการทำงานร่วมกับพันธมิตรด้านโซลูชั่น 5) เติบโตจากการทำโครงการที่จะเกิดขึ้นในอนาคต (In-organic growth)
“จากเดิมที่ NETBay มีรายได้หลักจากแพลตฟอร์มบริการองค์กรต่างๆ เช่น บริการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อการนำเข้าส่งออก และอื่นๆ ซึ่งเป็นรายได้ต่อเนื่อง (Recurring) คิดเป็น 90% ของรายได้บริษัท”
ตามแผนการดำเนินปี 2568 ที่บริษัทมุ่งสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เบื้องต้นตั้งเป้ารายได้ปี 2568 เติบโต 10-15% และยังคงรักษาสัดส่วนรายได้ Recurring ไม่ต่ำกว่า 90% นอกจากนั้น บริษัทยังเดินหน้าหาพันธมิตรใหม่ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ส่วนแนวโน้มไตรมาส 4/67 คาดเติบโตใกล้เคียงไตรมาส 2-3 ของปี 2567 ที่มีอัตราการเติบโตของรายได้อยู่ที่ 15.33% และ 17.70% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน ตามลำดับ
บริษัทลูกใหม่พัฒนาแพลตฟอร์ม
ปัจจุบัน เน็ตเบย์มีบริษัทย่อย 2 บริษัท คือ บริษัท เคลาด์ ครีเอชั่น จำกัด และบริษัท ฟินเน็ต เวนเจอร์ส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่เน็ตเบย์ถือหุ้น 100% ทั้ง 2 บริษัท การเปิดบริษัทลูกแห่งใหม่เพื่อพัฒนาแพลตฟอร์มตรวจพิสูจน์ข้อมูล สำหรับ ลูกค้าสถาบันการเงิน และผู้ที่ต้องการพิสูจน์ตัวตน ตั้งเป้าเป็นโครงสร้างรายได้ใหม่ให้กับบริษัทแม่
ธุรกิจของเคลาด์ ครีเอชั่น เป็นผู้ให้บริการระบบบริหารจัดการข้อมูล Gateway ระหว่างสถาบันการเงิน ผู้ประกอบอาชีพตามมาตรา 16 และสำนักงาน ปปง. เพื่อสนับสนุนการส่งรายงานธุรกรรมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเป็นหลัก
ในขณะที่ธุรกิจของ บริษัท ฟินเน็ต เวนเจอร์ส จำกัด จะเน้นให้บริการดิจิทัลแพลตฟอร์มแบบครบวงจรภายใต้แนวคิด ‘Enhance Business with Smart Compliance Solution’ โดยใช้ชื่อแพลตฟอร์มว่า ‘Check+’ซึ่งเป็นการพัฒนา Feature ใหม่ๆ เพิ่มขึ้นนอกเหนือจากแพลตฟอร์ม CDD Gateway เพื่อให้บริการกับกลุ่มสถาบันการเงิน ผู้ประกอบอาชีพตามมาตรา 16 และกลุ่มผู้ประกอบการอื่นๆ ที่มีความต้องการนำ IT Compliance เข้าไปใช้เพิ่มประสิทธิภาพ และยกระดับการทำงานให้ดียิ่งขึ้น และรองรับการปฏิบัติตามกฎหมายที่ถูกต้อง
โดยในปี 2568 ฟินเน็ต จะเน้นขยายธุรกิจเพื่อให้บริการแพลตฟอร์มดังกล่าวไปยังผู้ประกอบอาชีพตามมาตรา 16 ซึ่งได้แก่ กลุ่มสถาบันการเงิน รวมถึงในกลุ่มอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพิ่มเติม ปัจุบัน ฟินเน็ต เริ่มให้บริการกลุ่มการเงิน มีลูกค้าราว 10 ราย ซึ่งทำการเชื่อมโยงฐานข้อมูลที่จำเป็นจากหลายแหล่ง เช่น จากทะเบียนราษฎร ธนาคาร และอาชญากรรม จะอำนวยความสะดวกให้กับบริษัทที่ต้องการพิสูจน์ยืนยันตัวตนผู้เข้ารับบริการให้สามารถคลิกครั้งเดียว สามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลที่จำเป็นได้ทั้งหมด หรือที่เรียกว่า Single Submission
อู่ซ่อมรถยนต์เข้าถึงแหล่งเงินกู้
สำหรับ ความคืบหน้าการร่วมกันระหว่างกลุ่ม 5 พันธมิตร ได้แก่บมจ.ดิทโต้ (ประเทศไทย) (DITTO), บมจ.ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ (TEAMG) , บริษัท ไซเท็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (SITEM) , บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ (ORI) และ บมจ.โสมาภา อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี (SIT) ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเตรียมจัดตั้งบริษัทร่วมกัน โดย NETBAY ถือหุ้น 10% เพื่อทำธุรกิจ Garage Lending ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยให้อู่ซ่อมรถยนต์เข้าถึงแหล่งเงินกู้ คาดว่าจะเริ่มเห็นความชัดเจนภายใน Q2-Q3/68
นอกจากนั้น แม้ว่า บริษัทจะมีพันธมิตร 4 รายอยู่แล้วก็ตาม แต่ทางบริษัทยังคงเดินหน้าหาพันธมิตรใหม่ เพราะการร่วมมือกันทำให้มีโอกาสเข้าไปเปิดตลาดใหม่ๆ อาทิ กลุ่ม Retail และกลุ่มหน่วยงานรัฐ จากปัจจุบันบริษัทมีกลุ่มลูกค้าในภาคโลจิสติกส์ราว 50% และกลุ่มสถาบันการเงิน 20-30% ทำให้มีได้ลูกค้าใหม่ๆ เข้ามาอย่างต่อเนื่อง เช่นลูกค้า AIT และคาดการณ์ว่าเร็วๆ นี้ ทางบริษัทจะได้ลูกค้าประมาณอย่างน้อย 10 ราย
“การที่มี DITTO-TEAMG ผนึกกันจะช่วยให้กระจายฐานลูกค้า ซึ่งกันและกัน Ecosystem จะขยายวงกว้างมากขึ้น มี Network พันธมิตรเพิ่มขึ้นไปอีก เป็นโอกาสที่เปิดกว้างที่พันธมิตป้อนงานไม่ขาดมือ ดังนั้น จะเห็นว่า ในปีนี้ NETBAY เริ่มขยับขยายฐานรายได้ตัวเองมากขึ้น ในปี 2568 จะค่อยๆ เห็นมากขึ้น”
สู่ความยั่งยืน (Sustainability)
จากกลยุทธ์การเติบโต Competitive Advantages.ด้วยธุรกิจ NETBAY สามารถช่วยอำนวยความสะดวก รวดเร็ว ประหยัดทั้งเวลาและต้นทุนแก่ผู้ใช้บริการ ช่วยให้ภาคธุรกิจและผู้ใช้บริการลดการใช้กระดาษในแต่ละปีจำนวนมหาศาล ส่งผลถึงการลดการตัดต้นไม้อันเป็นการทำลายสิ่งแวดล้อมในแต่ละปีได้จำนวนไม่น้อยเช่นกัน
“กระแสความยั่งยืนเป็นที่พูดถึงในทุกวงการ ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาสังคม แนวคิดนี้ได้ฝังรากลึกลงในความตระหนักรู้ของผู้คน กลายเป็นวาระสำคัญในระดับสากลและขององค์การสหประชาชาติ ซึ่งรวมถึงเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs)”
และความยั่งยืนถือเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับองค์กรในยุคปัจจุบัน เพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง และแข่งขันได้ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยนำเอาองค์ความรู้ใหม่ๆ มาตรการ และเครื่องมือใหม่ๆ มาใช้ เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเรื่องความยั่งยืนร่วมกัน และเพื่อนำองค์กรไปสู่ความยั่งยืนที่มากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ NETBAY มีส่วนร่วมในการทำแพลตฟอร์มคาร์บอนเครดิต หรือ Green Tech กับ DITTO นำเทคโนโลยีสีเขียว ผ่านการใช้ศักยภาพในการพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัล ที่มีความพร้อมในการรุกตลาดสำหรับการซื้อขายคาร์บอนเครดิต และปรับใช้แพลตฟอร์ม iBox เพื่อการจัดการเอกสารประกอบโครงการคาร์บอนต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ
การใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน คาดว่า จะช่วยหนุนความโปร่งใสและความปลอดภัยของระบบ ป้องกันปัญหา อย่างงานซ้ำและรับรองการตรวจสอบที่ชัดเจน ความร่วมมือกับหน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่กำกับดูแลมีวัตถุประสงค์เพื่อให้มั่นใจว่า จะอยู่บนมาตรฐานระดับโลก ในขณะที่การวิเคราะห์ขั้นสูงจะช่วยให้สามารถติดตามข้อมูลและประเมินผลกระทบของชดเชยโครงการด้วยคาร์บอนได้แบบเรียลไทม์
นอกจากนี้ เทรนด์ดิจิทัลที่กำลังมาทั้งภาครัฐและเอกชนจำเป็นต้องรับมือ และไปถึงการ Transform องค์กร ซึ่งเป็นโอกาสอีกทางหนึ่งด้วย...