พาณิชย์ ลุยปั้นร้านค้าส่งค้าปลีกต้นแบบ ดันเป็นพี่เลี้ยงช่วยพัฒนาโชห่วยท้องถิ่น
กรมพัฒนาธุรกิจการค้าลงพื้นที่ 24 จังหวัด ปั้นร้านค้าส่งค้าปลีก เป้าหมาย 33 ร้านค้า เป็น'ร้านค้าต้นแบบ' ก่อนให้เป็นพี่เลี้ยงช่วยพัฒนาร้านค้ารายย่อย รายย่อม เป็น 'สมาร์ทโชห่วย' ไม่น้อยกว่า 250 ร้านค้า ภายใต้แนวคิด 'รายใหญ่ช่วยรายเล็ก ได้รับประโยชน์ทั้งคู่ พร้อมเติบโตไปด้วยกัน'
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมได้กำหนดเป้าหมายการเสริมศักยภาพและยกระดับมาตรฐานธุรกิจเพื่อให้เกิดร้านค้าส่งค้าปลีกต้นแบบได้ไม่น้อยกว่า 30 ร้านค้าทั่วประเทศ และมีร้านโชห่วยท้องถิ่นได้รับประโยชน์ต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 250 ร้านค้า โดยร้านค้าส่งค้าปลีกต้นแบบจะเป็นพี่เลี้ยงโชห่วยช่วยให้คำปรึกษาและพัฒนาเป็น 'สมาร์ทโชห่วย' โดยมีการปรับภาพลักษณ์ร้านค้าให้เป็นหมวดหมู่ตามหลัก 5 ส (สวย สะอาด สว่าง สะดวก สบาย) ซึ่งจะช่วยดึงดูดลูกค้าเข้าร้านและเพิ่มโอกาสในการขายสินค้าได้มากขึ้น
รวมถึงส่งเสริมให้ใช้ระบบ POS สำหรับการขายสินค้า การจัดการสต็อกสินค้า และการดูรายงานยอดขายเบื้องต้น ทำให้เกิดการเปลี่ยนผ่านจากวิถีการทำงานรูปแบบเดิมสู่การใช้ระบบเทคโนโลยีมาช่วยลดต้นทุนและสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันระยะยาว
ทั้งนี้ กรมวางแผนการลงพื้นที่ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจค้าส่งค้าปลีก จำนวนทั้งสิ้น 24 จังหวัด 33 ร้านค้า ได้แก่ นครสวรรค์ พิษณุโลก ลำปาง ชัยภูมิ บุรีรัมย์ ยโสธร กาญจนบุรี จันทบุรี ฉะเชิงเทรา ชัยนาท ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสงคราม อุทัยธานี ตรัง พังงา และสุราษฎร์ธานี จังหวัดละ 1 ร้านค้า สุโขทัย ร้อยเอ็ด หนองบัวลำภู อุบลราชธานี และสระแก้ว จังหวัดละ 2 ร้านค้า ขอนแก่น และสกลนคร จังหวัดละ 3 ร้านค้า เพื่อให้คำปรึกษาแนะนำเชิงลึก ณ สถานประกอบการ แก่ผู้ประกอบการค้าส่งค้าปลีกที่มีความพร้อมที่จะได้รับการพัฒนาเป็นร้านค้าส่งค้าปลีกต้นแบบและเป็นพี่เลี้ยงโชห่วย
สำหรับ การลงพื้นที่แต่ละสถานประกอบการ จะเน้นที่การให้คำปรึกษาแนะนำเชิงลึกเป็นหลัก โดยแบ่งออกเป็น 3 ครั้ง 3 ระดับ ได้แก่ 1.วิเคราะห์การพัฒนาตามเกณฑ์มาตรฐานการบริหารจัดการของกรม และจัดทำแผนพัฒนาเฉพาะราย (Individual Action Plan) โดยจะเน้นที่การแก้ปัญหาเร่งด่วน และการต่อยอดเสริมจุดแข็งให้ธุรกิจ 2.ให้คำปรึกษาแนะนำแนวทางการพัฒนาตาม Individual Action Plan และ 3.การติดตามและประเมินผลการพัฒนาของผู้ประกอบการ
ซึ่งการดำเนินงานทั้ง 3 ครั้ง จะนำไปสู่การยกระดับการบริหารจัดการธุรกิจให้มีมาตรฐาน และพร้อมเป็นต้นแบบและเป็นพี่เลี้ยงแก่ผู้ประกอบการค้าส่งค้าปลีกรายย่อย-รายย่อม และผู้ประกอบการร้านโชห่วยต่อไป
นอกจากนี้ ผู้ประกอบการร้านค้าส่งค้าปลีกต้นแบบ ยังจะได้รับสิทธิประโยชน์ด้านต่าง ๆ จากพันธมิตรของกรม โดยเฉพาะการเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากสถาบันการเงิน เช่น ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย และธนาคารไทยพาณิชย์ เป็นต้น
ก่อนหน้านี้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้มอบหมายให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเร่งดำเนินการ คือ การสร้างโอกาสทางการตลาดและสร้างความเข้มแข็งให้ธุรกิจเอสเอ็มอีของไทย โดยเฉพาะธุรกิจค้าส่งค้าปลีกและโชห่วยท้องถิ่น
โดยมีโจทย์ท้าทายสำคัญ คือ ทำอย่างไรให้ร้านค้าส่งค้าปลีกที่มีศักยภาพร่วมเป็นภาคีเครือข่ายช่วยสร้างความเข้มแข็งให้ผู้ประกอบการค้าปลีกรายเล็กหรือโชห่วย รวมถึงการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาช่วยเสริมศักยภาพการประกอบธุรกิจให้สอดรับกับการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล (Digital Transformation)
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า จึงประสานความร่วมมือโดยดึงร้านค้าส่งค้าปลีกขนาดใหญ่และขนาดกลางที่อยู่ในแต่ละท้องถิ่นมาเป็นภาคีเครือข่ายช่วยเหลือผู้ประกอบการร้านค้าปลีกรายย่อย-รายย่อม โดยดำเนินการเสริมศักยภาพและยกระดับมาตรฐานให้เป็นร้านค้าส่งค้าปลีกต้นแบบและเป็นพี่เลี้ยงให้ร้านโชห่วยในท้องถิ่น รวมถึง การสร้างเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อช่วยเหลือเกื้อกูลกันในพื้นที่ สร้างโอกาสให้ร้านค้าโชห่วยได้เข้าถึงเทคโนโลยี พัฒนาร้านค้าให้มีระบบการบริหารจัดการที่ทันสมัย
ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยขยายตลาด ขยายกลุ่มลูกค้า และเพิ่มยอดขายให้แก่ร้านโชห่วย ทั้งนี้ มั่นใจว่าการพัฒนาดังกล่าว จะก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งร้านค้าต้นแบบและร้านค้าโชห่วย ภายใต้แนวคิด “รายใหญ่ช่วยรายเล็ก ได้รับประโยชน์ทั้งคู่ พร้อมเติบโตไปด้วยกัน” และส่งผลให้เกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายในท้องถิ่น
ปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 29 เม.ย.2567) กรมพัฒนาธุรกิจการได้ดำเนินการพัฒนาและยกระดับร้านค้าส่งค้าปลีกให้เป็นร้านค้าส่งค้าปลีกต้นแบบ (พี่เลี้ยงโชห่วย) แล้วจำนวนทั้งสิ้น 307 ร้านค้า แบ่งเป็น ภาคกลาง 99 ร้านค้า (32.25%) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 98 ร้านค้า (31.92%) ภาคเหนือ 66 ร้านค้า (21.50%) และภาคใต้ 44 ร้านค้า (14.33%)
และได้ดำเนินการพัฒนาร้านค้าโชห่วยให้เป็น'สมาร์ทโชห่วย' ทั้งการปรับภาพลักษณ์ร้านค้าและส่งเสริมให้ใช้ระบบ POS แล้วจำนวนทั้งสิ้น 7,375 ร้านค้า แบ่งเป็น ภาคกลาง 2,288 ร้านค้า (31.03%) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2,063 ร้านค้า (27.97%) ภาคใต้ 1,523 ร้านค้า (20.65%) และ ภาคเหนือ 1,501 ร้านค้า (20.35%)