พาณิชย์ เผย'สาโท'เครื่องดื่มทำจากข้าวหอมมะลิไทย สุดฮอตในตลาดออสเตรีย
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เผย 'สาโท' เครื่องดื่มทำจากข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ กำลังบูมในออสเตรีย หลังบาร์ไทยสุดฮิปกลางกรุงเวียนนาพัฒนาจนได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคและสื่อมวลชนต่อแถวเข้าชิม ทูตพาณิชย์เวียนนา-วอร์ซอ เตรียมผนึกกำลังโปรโมต ดัน Soft Power เครื่องดื่มไทยให้โด่งดังในสหภาพยุโรป
น.ส.สุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมได้มอบนโยบายให้ทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ในประเทศต่าง ๆ ทำการสำรวจลู่ทางการค้า และโอกาสการส่งออกสินค้าไทยไปยังประเทศที่ประจำอยู่ ตามนโยบายนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ล่าสุดได้รับรายงาน น.ส.อรอนุช ผดุงวิถี ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ถึงการขับเคลื่อน Soft Power ของไทย คือ สาโท ซึ่งเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ทำจากข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ จ.ร้อยเอ็ด เป็นวัตถุดิบหลักและนำมาหมักบ่มกับน้ำแร่ธรรมชาติคุณภาพสูงแห่งเทือกเขาแอลป์ประเทศออสเตรีย ออกมาเป็นสาโทชั้นยอดที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นไม่เหมือนใคร
ทั้งนี้ ทูตพาณิชย์ได้รายงานว่า สาโทดังกล่าว ถูกพัฒนาขึ้นโดยสิบสองบาร์ (Sip Song Bar) บาร์ไทยสุดฮิปกลางกรุงเวียนนา และใช้ชื่อว่า “สาโท Sip Song” since 2024 เสิร์ฟลูกค้าเป็นแห่งแรกในประเทศออสเตรีย โดยได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่นจากผู้บริโภคและนักวิจารณ์ผู้มีอิทธิพลในวงการอาหารออสเตรีย ตลอดจนสื่อมวลชนทั้งในออสเตรียและสื่ออื่นในยุโรป ต่างให้ความสนใจขอเข้าสัมภาษณ์พร้อมถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับนวัตกรรมและวัฒนธรรมการกินดื่มของไทยในครั้งนี้
ขณะที่นางสุพัณณดา พลับทอง หรือเปียโน อดีตศิลปินนักร้องชื่อดังวงสามพี่น้อง The Sis ซึ่งได้ผันตัวมาเป็นเจ้าของร้านอาหารไทย Mamamon Thai Eatery และ Sip Song Bar ในกรุงเวียนนา ได้ให้ข้อมูลว่า คุณสามารถรับประทานข้าวได้ คุณก็ดื่มข้าวได้เช่นกัน ซึ่งข้าวอย่างหลังหมายถึงสาโท เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ทำจากข้าวโดยใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นของไทย
ส่วนการพัฒนาสาโท มาจากความต้องการยกระดับอาหารไทยให้เป็นสากล และมีความเป็นพรีเมียม จึงได้เสาะหาเครื่องดื่มที่เข้ากันได้ดีกับอาหารไทยที่มีรสจัดจ้านเผ็ดร้อน จึงได้เสาะหา ค้นคว้า ทดลอง และสั่งสมประสบการณ์ จนได้รับการคัดเลือกจากรัฐบาลญี่ปุ่นไปเรียนรู้วิธีการทำสาเกที่ญี่ปุ่น และประสบการณ์ที่ได้ ทำให้มองเห็นว่า เครื่องดื่มที่ตามหาอยู่ ไม่ใช่อะไรที่ไหน แต่คือ สาโทนั่นเอง เหมือนกับไวน์คู่กับอาหารตะวันตก หรือสาเกคู่อาหารญี่ปุ่น
น.ส.อรอนุช กล่าวเพิ่มเติมว่า สาเกของญี่ปุ่น ถูกผลิตโดยใช้ข้าวเหนียวจากประเทศไทยมาเป็นเวลาหลายร้อยปี มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่รู้จักทั่วโลก สาโทของไทยกลับกลายเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ถูกจำกัด และยังไม่ได้รับโอกาสในการพัฒนาเพื่อนำมาสร้างประโยชน์ในทางเศรษฐกิจอย่างที่ควรจะเป็น แต่ด้วยความซาบซึ้งในคุณค่าและอัตลักษณ์ของข้าวหอมมะลิไทยจากทุ่งกุลาร้องไห้
คุณเปียโน จึงพยายามพัฒนาสาโทที่ทำจากข้าวเจ้าชนิดนี้ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นข้าวหอมมะลิที่ดีที่สุดในโลก เป็นความภาคภูมิใจของคนไทยและยังเป็นสินค้าเกษตรชนิดแรกของไทยและอาเซียนที่ได้รับการขึ้นทะเบียนคุ้มครองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ของสหภาพยุโรป ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงเครื่องรับประกันคุณภาพและแหล่งกำเนิดของสินค้าเท่านั้น แต่ยังมีส่วนสำคัญในการส่งเสริมอาชีพชาวนา คุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่และการอนุรักษ์วิถีชีวิตดั้งเดิมอันทรงคุณค่าให้ยังคงได้รับการสืบทอดต่อไปอีกด้วย
“ที่ผ่านมา สำนักงานฯ ได้ทดลองนำสาโทเข้าเสิร์ฟในงานเลี้ยงรับรอง Vienna Fashion Week 2024 เมื่อเดือน ก.ย.2567 ที่ผ่านมา และได้รับการตอบรับที่น่าสนใจ และพร้อมที่จะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพราะสาโท เป็น Soft Power ด้านเครื่องดื่มที่สำคัญของไทย โดยล่าสุดได้ร่วมมือกับนางเมทินี ศิริสวัสดิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงวอร์ซอ ประเทศโปแลนด์
ร่วมกันส่งเสริมผู้ประกอบการหาช่องทางการเจาะตลาดสาโท Sip Song ในโปแลนด์ผ่านร้านอาหารไทยแนวสตรีทฟู้ดที่มีความสนใจ รวมทั้งจัดเจรจาจับคู่เจรจาธุรกิจให้กับผู้ประกอบการท้องถิ่นที่ศักยภาพในเมืองหลักอย่างกรุงวอร์ซอ และเมืองคาคุฟ ซึ่งได้รับเสียงตอบรับเป็นที่น่าพอใจ โดยคาดว่าจะมีฝรั่งเศส เยอรมนี และสหราชอาณาจักร เป็นประเทศเป้าหมายต่อไป”นางอรอนุชกล่าว