หมวดหมู่: CHINA

ดัชนีความเชื่อมั่น


ผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยจีน ประจำไตรมาส 2/2568

สงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย เร่งรัดโครงการเชื่อมต่อรถไฟความเร็วสูงระหว่างจีนและไทย ภาพลักษณ์ด้านความปลอดภัยในประเทศไทยเป็นปัจจัยท้าทายต่อการท่องเที่ยวชาวจีนในปี 2568

นายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานกรรมการ หอการค้าไทย-จีน เปิดเผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยจีนประจำไตรมาสที่สองปี 2568 ซึ่งได้มีการสำรวจระหว่างวันที่  18 ถึง 27 กุมภาพันธ์ 2568 ผู้ให้ข้อมูลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นประกอบด้วย (1) ประธานคณะกรรมการกิตติมศักดิ์ คณะกรรมการบริหาร และคณะกรรมการหอการค้าไทยจีน (2) ประธานและกรรมการสมาชิกสมาคมต่างๆของสหพันธ์หอการค้าไทยจีน และ (3) กลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ของหอการค้าไทยจีน รวมทั้งสิ้น จำนวน 459 คน

การสำรวจครั้งนี้ เพื่อรับทราบความคิดเห็นว่า สงครามการค้าของชาติมหาอำนาจจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยในปี 2568 อย่างไร และผลกระทบที่จีนได้ดำเนินมาตรการตอบโต้ทางการค้าต่อสหรัฐอเมริกา ต่อแนวโน้มที่จีนส่งออกสินค้ามายังประเทศไทยโดยอาศัยแพลตฟอร์มพาณิชอิเล็กทรอนิกส์ที่มีความเข้มแข็งของจีนอีก ทั้งยังสำรวจผลกระทบทางลบของสงครามการค้าต่อสินค้าที่ไทยส่งออกไปจีนท่ามกลางความร้อนระอุของสงครามการค้า

ผลของการสำรวจพบว่า ร้อยละ 69 ของผู้ตอบแบบสำรวจ ให้ความเห็นว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนจะมีผลกระทบเป็นอย่างมากต่อเศรษฐกิจโลกในปี 2568 มีผู้ตอบแบบสำรวจร้อยละ 15.5  คิดว่าผลกระทบดังกล่าวเกิดขึ้นชั่วคราวเท่านั้นเพราะจะมีการเจรจาลดความขัดแย้งตามมา

ขณะที่มีส่วนน้อยให้ความเห็นว่าผลกระทบนั้นอยู่ในระดับวิกฤติ ส่วนความเห็นต่อสงครามการค้าที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในปีนี้ มีร้อยละ 30.5 เห็นว่าผลกระทบนั้นเกิดขึ้นเพียงชั่วคราว แต่ก็ยังมีร้อยละ 51.5 ให้ความเห็นว่าจะมีผลกระทบเป็นอย่างมาก ทั้งนี้สรุปได้ว่าสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนนั้นมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยเป็นอย่างมาก เป็นเรื่องพึงระวัง ที่ต้องมีการติดตามอย่างใกล้ชิดเพราะสถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และซึ่งยังไม่มีมีแนวโน้มที่จะดีขึ้น

ดัชนีความเชื่อมั่น

ที่ผ่านมาจีนมีมาตรการตอบโต้ทางการค้าต่อนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐอเมริกา และการตอบโต้ดังกล่าวของสองประเทศอาจจะมีผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อการค้าระหว่างไทยและจีน ร้อยละ 51 ของผู้ตอบแบบสำรวจลงความเห็นว่าอาจจะมีผลกระทบต่อไทยบ้าง ในขณะที่ร้อยละ 24.3 คาดว่าจะทำให้นักธุรกิจจีนมาลงทุนและค้าขายกับไทยมากขึ้น เพราะจีนเองนั้นก็ต้องหาแหล่งผลิตใหม่ และส่งสินค้าออกมายังตลาดที่นิยมสินค้าจีนอยู่แล้ว

ส่วนแนวโน้มที่จีนส่งสินค้าออกมายังไทยโดยอาศัยแพลตฟอร์มพาณิชอิเล็กทรอนิกส์ที่มีความเข้มแข็งของจีนนั้น ร้อยละ 52.4 คาดว่าแนวโน้มดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย แต่ในขณะที่ ร้อยละ 33.7 ลงความเห็นว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นเป็นอย่างมาก กล่าวได้ว่าผลของมาตรการตอบโต้ของจีนต่อสงครามทางการค้ามีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยบ้าง แต่ในทางกลับกันจะทำให้นักธุรกิจจีนมาลงทุนในไทยและค้าขายกับไทยมากขึ้น โดยการค้าขายผ่านระบบพาณิชอิเล็กทรอนิกส์ก็จะเพิ่มสูงขึ้นเช่นเดียวกันแต่อาจจะไม่มากนัก

ส่วนสินค้าส่งออกของไทยไปยังจีนนั้น ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ชิ้นส่วนยานยนต์ ผลิตภัณฑ์เหล็กและเหล็กกล้า สินค้าเกษตรและสินค้าเกษตรแปรรูป และผลิตภัณฑ์ยางพาราที่ใช้ทำยางล้อรถยนต์ จะชะลอตัวหรือหดตัวลงซึ่งเป็นผลมาจากสงครามการค้า ซึ่งในสินค้าส่งออกเหล่านี้ เป็นสินค้าขั้นพื้นฐาน ชิ้นส่วนเพื่อนำไปประกอบ และสินค้ากึ่งสำเร็จรูป ที่จีนจะนำไปเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่การผลิตสินค้าขั้นสุดท้ายเพื่อการอุปโภคและบริโภค  

เพื่อบรรเทาผลกระทบของสงครามการค้า ทางออกหนึ่งคือประเทศไทยควรเจรจาเปิดเสรีการค้าให้ครอบคลุมประเภทสินค้าและบริการให้มากขึ้น โดยเฉพาะข้อตกลง RCEP (Regional Comprehensive Economic Partnership) ซึ่งเป็นข้อตกลงระหว่างอาเซียนกับอีกหกประเทศในภูมิภาค จากการสำรวจผู้ตอบแบบสอบถามร้อยละ 54 ให้ความเห็นว่าควรเร่งเจรจาเปิดเสรีโดยการลดภาษีให้ครอบคลุมรายการสินค้ามากขึ้นและเปิดภาคบริการให้มากขึ้น ในขณะที่ร้อยละ 42.3 ลงความเห็นว่าควรจะเจรจาแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่ต้องเร่งรีบ

เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2568 นายกรัฐมนตรี แพรทองธาร ชินวัตร ได้เดินทางไปเยือน ประธานาธิบดี สี จิ้น ผิงของจีน และทั้งสองประเทศได้วางแนวทางความร่วมมือระหว่างประเทศหลายด้าน การสำรวจได้ถามถึงมาตรการหรือโครงการความร่วมมือระหว่างประเทศที่ควรจัดทำอย่างเร่งด่วน ผลการสำรวจความคิดเห็น พบว่า โครงการเชื่อมต่อรถไฟความเร็วสูงระหว่างจีนและไทยได้รับความสนใจเป็นพิเศษ ตามมาด้วยมาตรการการอำนวยความสะดวกทางด้านศุลกากรโดยเฉพาะสำหรับสินค้าเกษตร และมาตรการดึงดูดการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษ EEC

ในหลายปีที่ผ่านมารถยนต์ไฟฟ้าของจีนได้รับความนิยมในประเทศไทยเป็นอย่างมาก ประกอบกับนโยบายภาครัฐที่สนับสนุนให้มีการใช้รถยนต์ไฟฟ้าและพัฒนาการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า จนในปัจจุบันบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าจีน ได้เข้ามาตั้งโรงงานในไทย และเริ่มสายการผลิตแล้ว จากการสอบถามความคิดเห็นถึงผลประโยชน์ต่อเศรษฐกิจไทยได้คำตอบดังนี้ การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของจีนในประเทศไทยจะทำให้ เกิดการพัฒนาทักษะแรงงานและการจ้างงานมากขึ้นเป็นลำดับแรก

ในลำดับที่สองเป็นกระตุ้นให้เกิดอุตสาหกรรมต่อเนื่องอื่นๆ ตามมาด้วยการเปลี่ยนผ่านจากศูนย์กลางการผลิตรถยนต์สันดาปเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาค และ การใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตในไทยมากขึ้น ทั้งนี้ มีข้อสังเกตว่า การถ่ายทอดเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าจีนสู่ผู้ประกอบการไทยนั้นยังเป็นข้อจำกัดอยู่ และสายการผลิตอาจจะใช้หุ่นยนต์มากขึ้น ซึ่งหมายความว่าการจ้างงานอาจจะไม่ได้สูงเท่ากับที่คาดการณ์ไว้ 

ในปี 2567 จำนวนนักท่องเที่ยวจากจีนที่มามายืนประเทศไทยมีจำนวน 6.7 ล้านคน ซึ่งมีอัตราการเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าเมื่อเทียบกับปี 2566 เป็นที่ทราบดีเพราะอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทำรายได้ให้กับประเทศไทยสูงมากในแต่ละปี ในการสำรวจครั้งนี้ ได้สอบถามถึงปัจจัยท้าทายต่อการท่องเที่ยวของชาวจีนในปี 2568 ผู้ตอบแบบสำรวจ ให้ความเห็นว่าภาพลักษณ์ทางด้านความปลอดภัยและการหลอกลวงในประเทศไทยต้องรีบแก้ไขโดยเร็วที่สุด ประเด็นที่ตามมาคือสื่อออนไลน์ต่างประเทศที่ได้ประชาสัมพันธ์เชิงลบต่อการท่องเที่ยวในไทยต้องรีบแก้ไขอย่างเร่งด่วนตามมา เพื่อให้นักท่องเที่ยวชาวจีนมาเยือนเมืองไทยมากขึ้น

 

Click Donate Support Web 

PTG 720x100

MTI 720x100

Banner GPF720x100 PXTOA 720x100

EXIM One 720x90 C JMTL 720x100

SME720x100 2024

CKPower 720x100

QIC 720x100

วิริยะ 720x100

aia 720 x100

BKI 720 x 100

ธกส 720x100

ใจฟู720x100pxAXA 720 x100

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!