ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าเดินทางและค่าธรรมเนียมสำหรับการเดินทางไปตรวจเรือนอกสถานที่ราชการ พ.ศ. ....
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าเดินทางและค่าธรรมเนียมสำหรับการเดินทางไปตรวจเรือนอกสถานที่ราชการ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงคมนาคม (คค.) เสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วนอีกครั้งหนึ่ง โดยให้รับข้อสังเกตของกระทรวงการคลังไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ รวมทั้งให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
สาระสำคัญ
1. ร่างกฎกระทรวงฉบับนี้เป็นการกำหนดอัตราค่าเดินทางและค่าธรรมเนียมสำหรับการเดินทางไปตรวจเรือนอกสถานที่ราชการของเจ้าท่าและเจ้าพนักงานตรวจเรือในการออกใบสำคัญ เช่น ใบสำคัญรับรองการตรวจเรือเพื่ออนุญาตให้ใช้เรือ ตามมาตรา 164 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พระพุทธศักราช 2456 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย (ฉบับที่ 13) พ.ศ. 2525 โดยกำหนดให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมมีอำนาจในการออกกฎกระทรวงดังกล่าว และให้ผู้ยื่นขอรับใบสำคัญ (ผู้ประกอบการ) เสียค่าเดินทางและค่าธรรมเนียมตามที่กำหนดในกฎกระทรวงนี้ ซึ่งการกำหนดค่าเดินทางนั้นสอดคล้องกับพระราชกฤษฎีกาค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ พ.ศ. 2526 และที่แก้ไขเพิ่มเติมตามมาตรา 14 ซึ่งกำหนดรายการค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการชั่วคราว1 ทั้งนี้ อัตราค่าเดินทางตามร่างกฎกระทรวงฉบับนี้ได้ใช้ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม เป็นเกณฑ์ แต่ได้ปรับลดลงบางรายการเพื่อให้มีความเหมาะสมและไม่เป็นการสร้างภาระให้กับผู้ประกอบการมากจนเกินไป เนื่องจากจะมีการชำระค่าอื่นๆ อีกด้วย เช่น โดยปกติค่าเบี้ยเลี้ยงรายวันของราชการในการไปราชการในราชอาณาจักรมีอัตรา 240 บาท ต่อวัน แต่ในร่างกฎกระทรวงนี้กำหนดไว้ 100 บาทต่อวัน
2. ในทางปฏิบัติพบว่า ผู้ประกอบการจะอำนวยความสะดวกในการออกค่าเดินทางและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางทั้งหมดในการไปตรวจเรือนอกสถานที่ราชการ เนื่องจากยังมิได้ออกกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าเดินทางและค่าธรรมเนียมสำหรับการเดินทางไปตรวจเรือนอกสถานที่ราชการตามพระราชบัญญัติดังกล่าว ดังนั้น ร่างกฎกระทรวงในเรื่องนี้จะทำให้เกิดความชัดเจนเกี่ยวกับการกำหนดอัตราค่าเดินทางและค่าธรรมเนียมสำหรับการเดินทางไปตรวจเรือนอกสถานที่ราชการ เพื่อประโยชน์สำหรับผู้ประกอบการในการคำนวณต้นทุนค่าใช้จ่ายในทางธุรกิจและให้เป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ ดังนี้
2.1 กำหนดให้ “ค่าเดินทางไปตรวจเรือ” หมายความว่า ค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าเช่าที่พัก ค่าพาหนะ และค่าใช้จ่ายในการตรวจเรือ เช่น ค่าผ่านทางพิเศษ ค่าธรรมเนียมสนามบิน ค่าใช้บริการโทรศัพท์ ค่าประกันภัย ค่าเสี่ยงภัยในการตรวจเรือ ค่าตรวจเรือล่วงเวลา เป็นต้น ร่างกฎกระทรวงฯ จึงได้กำหนดค่าเบี้ยเลี้ยงเป็นเงินจำนวน 100 บาท ต่อวัน สำหรับการตรวจเรือภายในประเทศ และเป็นเงินจำนวน 3,100 บาท ต่อวัน สำหรับการตรวจเรือต่างประเทศ ค่าเช่าที่พักจ่ายตามจริง ไม่เกินจำนวน 2,500 บาท ต่อวัน สำหรับการตรวจเรือภายในประเทศ และจ่ายตามจริงไม่เกินจำนวน 10,000 บาท ต่อวัน สำหรับการตรวจเรือต่างประเทศ ซึ่งจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ประกอบการในการคำนวณต้นทุนค่าใช้จ่ายในทางธุรกิจ เนื่องจากผู้ประกอบการจะเป็นผู้รับภาระในการจ่ายค่าเดินทางและค่าธรรมเนียมตามร่างกฎกระทรวงฉบับนี้ และเป็นการดำเนินการให้เป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติไว้
2.2 กำหนดให้ “ค่าธรรมเนียมสำหรับการเดินทางไปตรวจเรือ” หมายความว่า เงินที่ต้องชำระในกรณีที่เจ้าพนักงานตรวจเรือเดินทางไปตรวจเรือนอกสถานที่ราชการไม่ว่าในหรือนอกเวลาราชการ ตามคำขอของผู้ยื่นเรื่องราว ร่างกฎกระทรวงฯ จึงได้กำหนดให้ได้รับการยกเว้นไม่เก็บค่าธรรมเนียม สำหรับขนาดเรือไม่เกิน 500 ตันกรอส ขนาดเรือเกิน 500 ตันกรอสแต่ไม่เกิน 1,000 ตันกรอส เสียค่าธรรมเนียม 100 บาท เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม การกำหนดอัตราค่าเดินทางและค่าธรรมเนียมสำหรับการเดินทางไปตรวจเรือนอกสถานที่ราชการตามร่างกฎกระทรวงนี้ได้พิจารณาตามหลักเกณฑ์ว่าด้วยการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมและค่าบริการ2 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2564 เห็นชอบหลักเกณฑ์ว่าด้วยการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมและค่าบริการตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
_____________________________
1 มาตรา 14 บัญญัติให้ ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการชั่วคราว ได้แก่
(1) เบี้ยเลี้ยงเดินทาง
(2) ค่าเช่าที่พัก
(3) ค่าพาหนะ รวมถึงค่าเช่ายานพาหนะ ค่าเชื้อเพลิงหรือพลังงานสำหรับยานพาหนะ ค่าระวางบรรทุก ค่าจ้างคนหาบหาม และอื่นๆ ทำนองเดียวกัน
(4) ค่าใช้จ่ายอื่นที่จำเป็นต้องจ่ายเนื่องในการเดินทางไปราชการ
2 คณะรัฐมนตรีมีมติ (14 ธันวาคม 2564) เห็นชอบหลักเกณฑ์ว่าด้วยการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมและค่าบริการตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ มีสาระสำคัญในการกำหนดค่าธรรมเนียมและอัตราค่าธรรมเนียม ที่หน่วยงานของรัฐต้องพิจารณาวัตถุประสงค์ของกฎหมาย ต้นทุนในการควบคุมหรือกำกับดูแลของรัฐ นโยบายของรัฐในเรื่องนั้นว่าต้องการส่งเสริมหรือควบคุม ภาระและความยุ่งยากที่จะเกิดขึ้นแก่ประชาชน ต้นทุนทางธุรกิจที่จะเกิดขึ้นแก่ผู้ประกอบการ และความคุ้มค่าประกอบกัน โดยเฉพาะในกรณีที่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมเพียงเล็กน้อย ควรพิจารณาว่า ค่าธรรมเนียมที่ได้รับจะคุ้มกับค่าใช้จ่ายในการเรียกเก็บหรือไม่ อีกทั้ง
การกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมให้คำนึงถึงค่าใช้จ่ายหรือต้นทุนในการดำเนินการเรื่องนั้นและในการจัดเก็บค่าธรรมเนียม ประโยชน์ที่บุคคลนั้นจะได้รับ ความสามารถของประชาชนในการจ่ายค่าธรรมเนียม การเทียบเคียงกับอัตราเดิมที่เคยเรียกเก็บ อัตราค่าธรรมเนียมอื่นในลักษณะเดียวกัน
(โปรดตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีที่เป็นทางการจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง)
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร (นายกรัฐมนตรี) 12 พฤศจิกายน 2567
11329