หมวดหมู่: พาณิชย์

MOCสพพต อองแสงคณพาณิชย์ เปิดตัวศูนย์สร้างโอกาสธุรกิจไทยสู่จีนเป็นทางการขยายตลาดให้ผู้ประกอบการไทย นำร่องสินค้าที่ได้รับตรา T Mark

     นายสุพพัต อ่องแสงคุณ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวถึงการเปิดศูนย์สร้างโอกาสธุรกิจไทยสู่จีน (Thailand Smart Trade Center: TSTC) ที่เมืองโฝซาน มณฑลกวางตุ้ง ว่า เป็นศูนย์รวมสินค้าอุปโภคบริโภคและมีคุณภาพมาตรฐานจากประเทศไทย และแหล่งนัดพบเจรจาธุรกิจไทย (B2B) บนพื้นที่กว่า 3,000 ตารางเมตร ซึ่งจะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือด้านคุณภาพของสินค้าไทยในตลาดจีน และส่งเสริมให้ได้การพบปะกันระหว่างผู้ซื้อและผู้นำเข้ามีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยภายในศูนย์ฯ สามารถรองรับผู้ประกอบการไทยได้ถึง 200 บริษัท และปัจจุบันมีสินค้าไทยที่ผ่านการคัดเลือกเข้าโครงการแล้วกว่า 98 บริษัท

       โครงการดังกล่าวถือเป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในไทยและจีน ได้แก่ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ, สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครกว่างโจว, สถานกงสุลใหญ่ไทย ณ เมืองกว่างโจว และกลุ่มนักธุรกิจในมณฑลกวางตุ้ง เพื่อแนะนำ ให้คำปรึกษา และสร้างโอกาสทางการค้าให้กับผู้ประกอบการไทยที่สนใจขยายตลาดเข้าสู่ประเทศจีนอย่างมีระบบผ่านช่องทางการขายแบบออนไลน์และออฟไลน์

       นายสุพพัต กล่าวว่า บริษัท ซีโฟน่า กรุ๊ป จำกัด มีความสัมพันธ์ที่ดีกับทางการจีน และมีความรู้ความสามารถที่ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยนำเข้าสินค้าเข้าจำหน่ายที่จีนได้ ประกอบกับสินค้าที่เข้าร่วมโครงการจะมีสัญลักษณ์ Thailand Trust Mark (T Mark) ที่รับรองโดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ช่วยสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยได้เพิ่มโอกาสทางการตลาด และเป็นการรับรองว่าสินค้าที่ได้รับตรา T Mark เป็นสินค้าที่มีคุณภาพระดับสากล ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม และใช้แรงงานที่เป็นธรรม

       ด้านนายวศิน เรืองประทีปแสง กงสุลใหญ่ ณ นครกว่างโจว กล่าวว่า การตั้งศูนย์ฯ TSTC ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่มีการจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้าในจีน และเป็นการสร้างความมั่นใจและหลักประกันต่อการทำการค้าทั้งระบบค้าปลีกและค้าส่ง ซึ่งเชื่อมั่นว่า ศูนย์ฯ แห่งนี้จะมีส่วนช่วยในการเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างไทยกับมณฑลกวางตุ้งให้มากขึ้น ซึ่งปีที่ผ่านมาเฉพาะมลฑลกวางตุ้งมีมูลค่าการค้า 2.3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 30% ของมูลค่าการค้ารวมไทย-จีนที่มีกว่า 6 หมื่นล้านบาทต่อปี

       "ศูนย์แห่งนี้น่าภูมิใจมีผู้ประกอบการของไทยเข้ามา 90 กว่าราย มีสินค้า 800 กว่ารายการ ในอนาคตจะมีผู้ประกอบการนำสินค้าที่คัดเลือกโดยผู้บริหารของศูนย์ฯ มากขึ้น ทางผู้ใหญ่ในมณฑลกวางตุ้งก็ให้ความสำคัญ ให้การสนับสนุน และหวังว่าศูนย์แห่งนี้จะเป็นตัวอย่างความร่วมมือที่ดีในด้านความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้า ก็หวังว่าศูนย์แห่งนี้ประสบความสำเร็จจะเป็นแบบอย่างที่จะเป็นศูนย์แบบนี้ในมณฑลอื่นๆ ของประเทศจีนทั้งหมด"นายวศิน กล่าว

      นายวศิน กล่าวว่า ในโอกาสนี้ทางตัวแทนไทยนำโดยรองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศได้มีการหารือร่วมกับทางการจีน นำโดยผู้แทนรองผู้ตรวจการกรมพาณิชย์ ซึ่งเป็นผู้แทนอธิบดีกรมพาณิชย์ มณฑลกวางตุ้ง โดยทางการจีนยินดีและพร้อมให้การสนับสนุนการจัดตั้งศูนย์ดังกล่าว เพราะเชื่อมั่นในคุณภาพสินค้าและราคาที่สมเหตุสมผล และทั้งสองฝ่ายหวังว่า จะมีส่วนช่วยในความยกระดับความร่วมมือของทั้ง 2 ประเทศ ทั้งด้านการค้า การลงทุน การท่องเที่ยงและวัฒนธรรมอีกด้วย

      ขณะที่ น.ส.ศุภรา เสกาจารย์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ กล่าวว่า จีดีพีของมณฑลกวางตุ้งเป็นอันดับ 1 ของประเทศมา 28 ปีแล้ว และสินค้าไทยที่เข้ามามณฑลกวางตุ้งมีมูลค่าการค้าเป็น 1 ใน 3 ของสินค้าไทยทั้งหมด ซึ่งมณฑลกวางตุ้งถือเป็นเกตเวย์ทางตอนใต้ของประเทศจีน โดยเป็นแหล่งกระจายสินค้าไปยังมณฑลต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีการบริหารจัดการระบบโลจิสติกส์ที่ดี โดยสินค้าไทยที่ได้รับความนิยมมากสุด มีทั้งข้าวไทย ผลไม้ไทย รวมไปถึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์ทางการแพทย์ และเคมีภัณฑ์ โดยแนวโน้มการบริโภคสินค้าไทยในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมามีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นเป็นเลข 2 หลัก เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

       น.ส.ศุภรา กล่าวว่า พฤติกรรมผู้บริโภคชาวจีนในปัจจุบันนิยมซื้อขายสินค้าผ่านทางออนไลน์มากกว่า 80% และในมณฑลกวางตุ้งได้รับการอนุญาตจากรัฐบาลให้สามารถทำการซื้อขายสินค้าผ่านทางแอพพลิเคชั่น วีแชท (WeChat) ได้ โดยประชากรในมณฑลกวางตุ้งถูกจัดอันดับระดับเทียร์ 1 ถือเป็นผู้ที่มีรายได้ระดับกลางถึงระดับสูง และมองหาสินค้าที่มีคุณภาพและมีความปลอดภัย รวมถึงเน้นสินค้าที่ดูแลสุขภาพ

      นายยงค์กิจ ธรรมพัฒนาภรณ์ กรรมการบริหารศูนย์ฯ TSTC กล่าวว่า หลังจากเปิดตัวศูนย์ฯ TSTC อย่างไม่เป็นทางการเมื่อวันที่ 12 ม.ค.ที่ผ่านมา ปัจจุบันมีผู้ประกอบการจากกลุ่มอาหาร เครื่องสำอาง อาหารเสริม การศึกษาและบริการเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 80 บริษัท ซึ่งสินค้าที่ได้รับความสนใจอย่างมากจากคู่ค้าชาวจีน ได้แก่ อาหาร ผลไม้แปรรูป เครื่องสำอาง และหมอนยางพารา ที่ล้วนเป็นสินค้าที่มีชื่อเสียงของไทยและเป็นที่ต้องการของชาวจีน

     "ปัจจุบันชาวจีนมีกำลังซื้อมากขึ้นและผู้บริโภคส่วนใหญ่คำนึงถึงคุณภาพของสินค้าเป็นปัจจัยหลักในการซื้อสินค้า โดยเฉพาะกลุ่มอาหาร ดังนั้นสำหรับแบรนด์สินค้าไทยที่ยังไม่เป็นที่รู้จักในจีน การได้รับตรา T Mark จึงมีบทบาทสำคัญในการรับประกันสินค้าคุณภาพจากไทย" นายยงค์กิจ กล่าว

       นอกจากนี้ เมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และ TSTC ร่วมกับเว็บไซต์ JD.com ของบริษัท จิงตง (Jingdong) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม e-Commerce ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดอันดับ 2 ของจีน ได้เปิดร้านไทยแลนด์ พาวิลเลียน (Thailand Pavilion) หรือไท่กั๋วกว่าน เพื่อเป็นอีกช่องทางให้ผู้ประกอบการไทยขายสินค้าถึงมือผู้บริโภคชาวจีนได้อย่างตรงกลุ่มเป้าหมายและกว้างขวางมากยิ่งขึ้น

       "Thailand Pavilion สามารถสร้างโอกาสทางการค้าให้กับสินค้าไทยในรูปแบบ Online to Offline (O2O) ซึ่งเชื่อมต่อกับศูนย์ฯ TSTC เพื่อผู้บริโภคชาวจีนสามารถเข้าถึงและทดลองสินค้าก่อนซื้อจริงผ่านรูปแบบออนไลน์ ซึ่งจะสร้างการรับรู้สินค้าไทยได้อย่างรวดเร็วและกว้างขวางในอนาคต นอกจากนี้ในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ เราจะผลักดันให้ศูนย์ฯ TSTC เป็นสถานที่ท่องเที่ยว (Tourist Destination) แห่งใหม่ของเมืองโฝซาน สามารถดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาจับจ่ายซื้อสินค้าไทยที่ผลิตจากผู้ประกอบการไทย ส่งตรงจากเมืองไทยจริงๆ" นายยงค์กิจ กล่าว

       นายยงค์กิจ กล่าวว่า ระบบการทำงานของศูนย์ฯ TSTC ผนวกกับการบริการคลังสินค้าและโลจิสติกส์เต็มรูปแบบสามารถรองรับความต้องการของผู้ประกอบการไทย และลดภาระการสต็อกสินค้าของคู่ค้า อีกทั้งสามารถจัดส่งสินค้าถึงผู้บริโภคชาวจีนได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้ประกอบการมีต้นทุนที่สามารถแข่งขันได้ในตลาดจีน

        ทั้งนี้ ผู้ประกอบการที่ร่วมโครงการศูนย์ฯ TSTC จะได้รับโอกาสเข้าถึงตลาดจีนตลอด 365 วัน ในรูปแบบ Offline to Online พร้อมรับบริการคำปรึกษาด้านการดำเนินธุรกิจในประเทศจีนอย่างถูกต้องและครบวงจร โดยทีมที่ปรึกษา และมีโอกาสได้พบคู่ค้าธุรกิจที่มีศักยภาพ

       สำหรับ กลุ่มเป้าหมายของผู้ประกอบการไทยที่เข้าร่วมโครงการนี้ ได้แก่ ผู้ประกอบการที่มีแบรนด์เป็นของตนเอง เป็นแบรนด์ที่มีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับสากล อาทิ สินค้าที่ได้รับตรา T Mark สัญลักษณ์ที่แสดงถึงสินค้าและบริการที่มีคุณภาพและมาตรฐานระดับสากลจากประเทศไทย

                        อินโฟเควสท์ 

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!