หมวดหมู่: หุ้นเด่นวันนี้

30


ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งขึ้น ขานรับดาวโจนส์พุ่ง-ราคาน้ำมันปรับขึ้น,จับตา SCC ประกาศงบฯ Q2/60

     นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งซิกแซกขึ้น เนื่องจากดัชนีดาวโจนส์ได้ปรับตัวขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา จากรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯที่ออกมาดี และราคาน้ำมันก็ปรับตัวขึ้น 2 วันติดต่อกันด้วย หลังจากที่ซาอุดิอาระเบียจะลดการส่งออกน้ำมันให้ไม่เกิน 6.6 ล้านบาร์เรล/วัน และไนจีเรียก็จะเข้าร่วมการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันด้วย

    ส่วนในประเทศก็ได้รับแรงหนุนจากการเดินหน้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ และแผนพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา ทำให้ช่วยหนุนภาคการลงทุน พร้อมให้ติดตามการประกาศผลประกอบการของ SCC ในวันนี้ และการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ก็ให้จับตาเรื่องการปรับลดงบดุลของสหรัฐฯจะเกิดขึ้นได้เมื่อไร

    ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะบวกราว 0.1-0.2% พร้อมให้แนวรับ 1,574 จุด ส่วนแนวต้าน 1,584-1,585 ถัดไป 1,590 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

     - ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (25 ก.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,613.43 จุด พุ่งขึ้น 100.26 จุด (+0.47%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,412.17 จุด เพิ่มขึ้น 1.37 จุด (+0.02%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,477.13 จุด เพิ่มขึ้น 7.22 จุด (+0.29%)

      - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 142.94 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 0.77 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 108.76 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 14.00 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 6.92 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 8.93 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 2.70 จุด

    - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (25 ก.ค.60) 1,581.42 จุด เพิ่มขึ้น 4.69 จุด (+0.30%)

    - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,597.37 ล้านบาท เมื่อวันที่ 25 ก.ค.60

    - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (25 ก.ค.60) ปิดที่ 47.89 ดอลลาร์/บาร์เรล พุ่งขึ้น 1.55 ดอลลาร์ หรือ 3.3%

    - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (25 ก.ค.60) ที่ 7.44 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

    - เงินบาทเปิด 33.46 แนวโน้มแกว่งกรอบแคบ ตลาดรอติดตามถ้อยแถลงเฟดภายหลังการประชุม

    - ครม.ไฟเขียวโครงการรถไฟฟ้าสีม่วงใต้ เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ แสนล้านบาท รฟม.เตรียมหั่นสัญญางานโยธา 5 สัญญา เปิดประมูลเดือนต.ค. นี้ คมนาคมศึกษาการรวบสัญญางานโยธาและเดินรถสายสีส้ม ประมูลแบบพีพีพี หวังลดภาระรัฐบาล

    - กระทรวงคลัง ฉวยจังหวะ "บาทแข็ง" บริหารการเงิน เร่งคืนหนี้ต่างประเทศ พร้อมวางแผนโยกหนี้นอกเป็นสกุลเงินบาท หาแนวทางช่วยเหลือ "เอสเอ็มอี" เข้าถึงการประกันเสี่ยงค่าเงิน จี้แบงก์พาณิชย์เว้นค่าฟีให้ลูกค้า ด้าน ธปท. ยังเกาะติด สถานการณ์ใกล้ชิด ยอมรับเงินบาทแข็งเร็ว จากดอลลาร์อ่อน "เอฟดีไอ" ไหลเข้า

     - บริษัทจดทะเบียน (บจ.) 2 รายที่ทำธุรกิจส่งออกและผลิตยางพารา รายใหญ่ของประเทศ คือ ไทยรับเบอร์ลาเท็คซ์คอร์ปอร์เรชั่น (TRUBB) และบริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี (STA) แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า ได้เข้าร่วมกันเพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุนยางพาราไทย ซึ่งมีทุนจดทะเบียน 1,200 ล้านบาท ซึ่งบริษัทที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อกำหนดมาตรการขับเคลื่อนการสร้างเสถียรภาพราคายาง

      -  ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 25 ก.ค. 2560 อนุมัติ ค่าใช้จ่ายตามแผนการพัฒนา สนามบิน อู่ตะเภาและท่าเรือพาณิชย์ สัตหีบ จำนวน 760.77 ล้านบาท ในส่วนของงบกลางปี 2560 เพื่อรองรับโครงการสำคัญภายใต้แผนงานพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก

     - นายกสมาคมประกันชีวิตไทย เปิดเผยว่า ในปีนี้คาดว่าธุรกิจประกันชีวิตยังมีเบี้ยรับรวมเติบโตประมาณ 6% ตามเป้าที่ตั้งไว้ โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ที่ลูกค้าจะซื้อประกันเพื่อใช้สิทธิลดหย่อนภาษีมากขึ้น และหากรัฐบาลเพิ่มสิทธิลดหย่อนภาษีให้กับผู้ที่ซื้อประกันสุขภาพอีก ก็จะยิ่งกระตุ้นการซื้อประกันชีวิตมากขึ้นอีก

     - 'อภิศักดิ์' สั่ง สบน.เร่งปิดความเสี่ยงค่าเงินของหนี้สาธารณะต่างประเทศ มองโอกาสค่าบาทแข็งอำนวย พร้อมเร่งสวอปหนี้สกุลเงินต่างประเทศเป็นบาทแทน คาดคืบหน้าภายใน 2 เดือน

*หุ้นเด่นวันนี้

    - QH (ทรีนีตี้) "ซื้อ"เป้า 3.40 บาท คาดการณ์ยอด Presales ใน 2Q60 อยู่ที่ราว 3.6 พันล้านบาท (+20% QoQ) จากการเปิดโครงการใหม่เพียง 1 โครงการ และคาดการณ์กำไรสุทธิอยู่ที่ 715 ล้านบาท (+9.6% QoQ, -20% YoY) โดยอัตราการทำกำไรยังคงถูกกดดันจากการโอนโครงการในต่างจังหวัดและโครงการที่ใกล้ปิดเป็นหลัก แต่ 2H60 มองว่าจะมีการเติบโตที่โดดเด่น จากการเปิดโครงการใหม่อีก 7 โครงการและการรับรู้กำไรพิเศษจากดีล LHBANK ใน 3Q60

    - BEAUTY (ธนชาต) "ซื้อ"เป้า 15 บาท ราคาหุ้นที่ยัง Laggard ตลาดอยู่ 4% ตั้งแต่ต้นปีขณะที่คาดกำไร 2Q60 มีจะทำจุดสูงสุดใหม่ ที่ 218 ล้านบาท +57% y-y และ +9% q-q และ PEG ที่ 0.9x ต่ำกว่ากลุ่มที่ 1.4x ทางเทคนิค Breakout downtrend เป้าหมาย 12.3 บาท

            - SEAFCO (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 16.60 บาท ผู้นำงานก่อสร้างฐานรากที่ได้ประโยชน์จากโครงการลงทุนลำดับแรกๆ แม้คาดกำไร 2Q60 ชะลอตามฤดูกาล แต่งานในมือที่เป็นสถิติสูงสุดใหม่ 2.1 พันล้านบาท จะทำให้การรับรู้รายได้เร่งตัวขึ้น 2H60 คาดกำไรปีนี้โต 47% Y-Y และโตต่อเนื่องอีก 23% Y-Y ในปีหน้า

     - MACO (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง) "ซื้อ" เป้า 1.92 บาท อิง P/E 27.9 เท่า สอดรับกำไรปกติที่จะขยายตัว +31% CAGR 4 ปีข้างหน้านี้ โดยการฟื้นตัวที่เร็วกว่ากลุ่ม เกิดจากการปรับลดต้นทุนค่าเช่าป้ายลงอย่างมีนัยสำคัญ และการได้ Revenue Capacity ใหม่อีก 31% ทยอยรับรู้รายได้ปีนี้ ซึ่งทำให้ส่วนแบ่งตลาดจะพุ่งขึ้นเป็น 35% สูงเป็นอันดับ 1 ของประเทศอย่างเด็ดขาด ขณะที่การปรับเป้า GDP โดย ธปท. ยังส่งสัญญาณบวกต่อกลุ่มสื่อฯ โดยเฉพาะสื่อกลางแจ้ง (Out of Home Media/ Outdoor) ซึ่ง YTD เติบโตแกร่ง +16.3% YoY vs อุตสาหกรรมที่ยังติดลบ -7.1% YoY พร้อมคาดว่า กำไรปกติของ MACO จะเริ่มเข้าสู่โหมดเร่งอย่างเร็วตั้งแต่ 2Q60  หลัง CEO ใหม่ใช้กลยุทธ์ในระยะแรกด้วยการลดค่าใช้จ่ายอย่างรวดเร็ว

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นเช้านี้ ขานรับตลาดหุ้นสหรัฐพุ่ง

     ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดพุ่งขึ้นกว่า 100 จุดเมื่อคืน ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดทำนิวไฮ เนื่องจากนักลงทุนขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ ซึ่งรวมถึงแคทเธอร์พิลลาร์และแมคโดนัลด์

    ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 20,098.14 จุด เพิ่มขึ้น 142.94 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,244.46 จุด เพิ่มขึ้น 0.77 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 26,960.81 จุด เพิ่มขึ้น 108.76 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,477.15 จุด เพิ่มขึ้น 14.00 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,446.82 จุด เพิ่มขึ้น 6.92 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,336.76 จุด เพิ่มขึ้น 8.93 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,766.04 จุด เพิ่มขึ้น 2.70 จุด

     ขณะเดียวกัน ตลาดยังขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยผลสำรวจของ Conference Board เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐพุ่งขึ้นสู่ระดับ 121.1 ในเดือนก.ค. จากระดับ 117.3 ในเดือนมิ.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับตัวสู่ระดับ 117.0 ขณะที่ผลสำรวจของสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์ระบุว่า ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐ เพิ่มขึ้น 5.6% ในเดือนพ.ค.

     นักลงทุนจับตาบริษัทจดทะเบียนราว 180 แห่งในดัชนี S&P 500 จะประกาศผลประกอบการในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงเฟซบุ๊ก โบอิ้ง และอเมซอน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าบริษัทจดทะเบียนจะมีการขยายตัวของผลประกอบการเฉลี่ย 6.2%

    นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ที่ว่า คณะกรรมการ FOMC จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ หลังจากที่ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 1.00-1.25% ในการประชุมเมื่อวันที่ 14 มิ.ย.ที่ผ่านมา

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : หุ้นเหมืองแร่-พลังงานหนุนฟุตซี่ปิดบวก 57.09 จุด

      ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนบวกเมื่อคืนนี้ (25 ก.ค.) ด้วยแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และหุ้นกลุ่มพลังงานที่ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง

     ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 57.09 จุด หรือ +0.77% ปิดที่ 7,434.82 จุด

     ภาวะตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อคืนนี้ ดัชนี FTSE 100 ได้ปัจจัยบวกจากการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมัน โดยสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ย. พุ่งทะลุระดับ 49 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อคืนนี้ ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์ก พุ่งขึ้น 1.55 ดอลลาร์ หรือ 3.3% ปิดที่ 47.89 ดอลลาร์/บาร์เรล ภายหลังจากซาอุดิอาระเบีย ประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่และเป็นชาติสมาชิกโอเปกได้ให้คำมั่นว่าจะปรับลดการส่งออกน้ำมัน ขณะที่ไนจีเรียประกาศว่าจะเข้าร่วมในข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน ส่งผลให้นักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาด

     หุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ พุ่งขึ้น 1.4% ขณะที่หุ้น BP ทะยานขึ้น 1.5%

     หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวขึ้นเป็นส่วนใหญ่ ด้วยปัจจัยหนุนจากราคาทองแดงที่ปรับตัวขึ้นจากอานิสงส์การที่สกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง โดยหุ้นแอนโตฟากาสตา ผู้ผลิตแร่ทองแดงรายใหญ่ พุ่งขึ้น 7.5% หุ้นเฟรสนิลโล เพิ่มขึ้น 2.6% และหุ้นเกลนคอร์ พุ่งขึ้น 5.8%

     หุ้นบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ที่น่าจับตา หุ้นดับบลิวเอ็ม มอร์ริสัน ซูเปอร์มาร์เก็ต ร่วงลง  2.2% หลังแคนตาร์รายงานว่า ส่วนแบ่งการตลาดของบริษัทลดลงสู่ระดับ 10.5% ในช่วง 12 สัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 16 ก.ค.

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดบวก ขานรับความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเยอรมนีพุ่ง

     ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (25 ก.ค.) หลังจาก Ifo ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจของเยอรมนี ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนีทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนก.ค. นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากข่าวที่ว่า กรีซสามารถระดมทุนได้สูงถึง 3 พันล้านยูโร จากการจำหน่ายพันธบัตรเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 3 ปีเมื่อวานนี้

     ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 0.4% ปิดที่ 380.77 จุด

     ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,264.31 จุด เพิ่มขึ้น 55.36 จุด หรือ +0.45% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,161.08 จุด เพิ่มขึ้น 33.38 จุด หรือ +0.65% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,434.82 จุด เพิ่มขึ้น 57.09 จุด หรือ +0.77%

     ตลาดหุ้นยุโรปดีดตัวขึ้นหลังจากรายงานของ Ifo ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนีเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 116.0 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากระดับ 115.2 ในเดือนมิ.ย. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 114.9

     ข้อมูลดังกล่าวบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจของเยอรมนีเติบโตแข็งแกร่งมาตั้งแต่ต้นปี โดยอัตราว่างงานได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง จากแรงหนุนของอุปสงค์ภายในประเทศ และในขณะเดียวกันการส่งออกที่เพิ่มมากขึ้น ก็ช่วยสนับสนุนภาคการผลิตให้เติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง

     นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้ปัจจัยหนุนจากข่าวที่ว่า รัฐบาลกรีซสามารถระดมเงินได้ 3 พันล้านยูโร (3.5 พันล้านดอลลาร์) จากการจำหน่ายพันธบัตรเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 3 ปีเมื่อวานนี้ โดยการเสนอขายพันธบัตรรัฐบาลกรีซในวันนี้ ได้รับการจองซื้อจากนักลงทุนมากกว่าที่เสนอขายถึง 2 เท่า

    หุ้นกลุ่มการเงินดีดตัวขึ้น นำโดยหุ้นธนาคาร Banco de Sabadell ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ของสเปน พุ่งขึ้น 3.7% ซึ่งเป็นปัจจัยดัชนีหุ้นกลุ่มการเงินปรับตัวขึ้น 1.6%

     หุ้นจิมมี ชู พุ่งขึ้น 17% หลังจากไมเคิล คอร์ส ผู้ผลิตกระเป๋าและสินค้าแบรนด์เนมชื่อดัง ได้ตกลงเทคโอเวอร์กิจการของจิมมี ชู ผู้ผลิตรองเท้าและเครื่องประดับสุดหรู ด้วยวงเงินสูงถึง 896 ล้านปอนด์ หรือราว 1.17 พันล้านดอลลาร์

    นักลงทุนจับตาการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) ซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันพุธที่ 26 ก.ค.ตามเวลาสหรัฐ ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ที่ว่า คณะกรรมการ FOMC จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ หลังจากที่ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 1.00-1.25% ในการประชุมเมื่อวันที่ 14 มิ.ย.ที่ผ่านมา

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 100.26 จุด รับผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน

    ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 100 จุดเมื่อคืนนี้ (25 ก.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดทำนิวไฮ  เนื่องจากนักลงทุนขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ ซึ่งรวมถึง แคทเธอร์พิลลาร์ และแมคโดนัลด์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ ซึ่งได้แก่ความเชื่อมั่นผู้บริโภคและดัชนีราคาบ้าน

     ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,613.43 จุด พุ่งขึ้น 100.26 จุด หรือ +0.47% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,477.13 จุด เพิ่มขึ้น 7.22 จุด หรือ +0.29% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,412.17 จุด เพิ่มขึ้น 1.37 จุด หรือ +0.02%

     ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างคึกคัก หลังจากบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ได้เปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่ง โดยแคทเธอร์ พิลลาร์ ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเครื่องมือก่อสร้างขนาดใหญ่ของสหรัฐ เปิดเผยว่า บริษัทมีกำไร 1.49 ดอลลาร์/หุ้น ในไตรมาส 2 ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 1.26 ดอลลาร์/หุ้น ส่วนรายได้อยู่ที่ระดับ 1.133 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.093 หมื่นล้านดอลลาร์

     ทางด้านบริษัทแมคโดนัลด์ คอร์ป รายงานว่า บริษัทมีกำไรที่ระดับ 1.70 ดอลลาร์/หุ้น ในไตรมาส 2 สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 1.62 ดอลลาร์/หุ้น ส่วนรายได้อยู่ที่ระดับ 6.05 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 5.96 พันล้านดอลลาร์

      ขณะที่เจเนอรัล มอเตอร์ (GM)บริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ เปิดเผยว่า บริษัทมีกำไร 1.89 ดอลลาร์/หุ้นในไตรมาส 2 สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 1.69 ดอลลาร์/หุ้น อย่างไรก็ตาม รายได้อยู่ที่ระดับ 3.7 หมื่นล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.03 หมื่นล้านดอลลาร์

    ทั้งนี้ หุ้นแมคโดนัลด์ พุ่งขึ้น 4.8% หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ทะยานขึ้น 5.9%

   หุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอแรน พุ่งขึ้น 15% หลังจากบริษัทสามารถพลิกกลับมาทำกำไรได้ในไตรมาส 2

    หุ้นไมเคิล คอร์ส ขยับขึ้น 0.5% ขณะที่หุ้นจิมมี ชู ทะยานขึ้น 17% หลังจากไมเคิล คอร์ส ผู้ผลิตกระเป๋าและสินค้าแบรนด์เนมชื่อดัง ได้ตกลงเทคโอเวอร์กิจการของจิมมี ชู ผู้ผลิตรองเท้าและเครื่องประดับสุดหรู ด้วยวงเงินสูงถึง 896 ล้านปอนด์ หรือ 1.17 พันล้านดอลลาร์

     หุ้น 3M ร่วงลง 5.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ไตรมาส 2 ที่น้อยกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

     นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้ปัจจัยหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยผลสำรวจของ Conference Board เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐพุ่งขึ้นสู่ระดับ 121.5 ในเดือนมิ.ย. ยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 116.5 ขณะที่ผลสำรวจของสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์ระบุว่า ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐ เพิ่มขึ้น 5.6% ในเดือนพ.ค.

     นักลงทุนจับตาบริษัทจดทะเบียนราว 180 แห่งในดัชนี S&P 500 จะประกาศผลประกอบการในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงเฟซบุ้ก, โบอิ้ง และอเมซอน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าบริษัทจดทะเบียนจะมีการขยายตัวของผลประกอบการเฉลี่ย 6.2%

     นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันพุธที่ 26 ก.ค.ตามเวลาสหรัฐ ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ที่ว่า คณะกรรมการ FOMC จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ หลังจากที่ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 1.00-1.25% ในการประชุมเมื่อวันที่ 14 มิ.ย.ที่ผ่านมา

    ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ยอดขายบ้านใหม่เดือนมิ.ย., ดุลการค้าเดือนมิ.ย., ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมิ.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนมิ.ย. และผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 2

อินโฟเควสท์

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!