หมวดหมู่: หุ้นเด่นวันนี้

26


ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ รอดูสัญญาณจากการประชุม ECB-BOJ วันพรุ่งนี้,เกาะติดงบฯ Q2/60 กลุ่มแบงก์

     นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ เนื่องจากตลาดฯไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา และตลาดฯก็ได้แกว่ง Sideway Down มาตลอด 2 วันที่ผ่านมาด้วย โดยช่วงนี้ต่างรอดูการทยอยประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 2/60 ของกลุ่มแบงก์ ซึ่งพรุ่งนี้เป็นคิวของ BBL, SCB, KBANK ส่วนวันศุกร์เป็น KTB, KKP

      ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ทั้งในแดนบวก-ลบเล็กน้อย โดยต่างรอดูการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) และการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) โดยเฉพาะ ECB ต้องจับตาว่าจะมีการลดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) อย่างไร รอบนี้คงเป็นการให้ความชัดเจนมากขึ้นจากก่อนหน้านี้เคยส่งสัญญาณว่าจะลด QE และจะมีการปรับเปลี่ยนนโยบาย ซึ่งหาก ECB ส่งสัญญาณลด QE อาจจะเป็น Sentiment ไม่ดีต่อตลาดฯ

       นอกจากนี้ ในวันที่ 25-26 ก.ค.นี้ก็จะมีการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งคงก็รอดูสัญญาณการปรับลดขนาดงบดุลของสหรัฐฯ และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายของปีนี้เมื่อใด

พร้อมให้แนวรับ 1,567 จุด ส่วนแนวต้าน 1,577 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (18 ก.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,574.73 จุด ลดลง 54.99 จุด (-0.25%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,344.31 จุด เพิ่มขึ้น 29.87 จุด (+0.47%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,460.61 จุด เพิ่มขึ้น 1.47 จุด (+0.06%)

- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 29.13 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 6.17 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 36.87 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 8.45 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 4.05 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 3.07 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 1.18 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 21.53 จุด

- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (18 ก.ค.60) 1,571.52 จุด ลดลง 2.57 จุด (-0.16%)

- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,341.32 ล้านบาท เมื่อวันที่ 18 ก.ค.60

- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (18 ก.ค.60) ปิดที่ 46.40 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 38 เซนต์ หรือ 0.8%

- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (18 ก.ค.60) ที่ 7.04 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

- เงินบาทเปิด 33.63 แนวโน้มแกว่งในกรอบ 33.60-33.70 หลังช่วงที่ผ่านมาแข็งค่ามาก นลท.รอผลประชุม ECB-BOJ สัปดาห์นี้

- มอร์นิ่ง สตาร์ บริษัทชั้นนำของโลกด้านการให้บริการข้อมูลและการวิเคราะห์เกี่ยวกับการลงทุนได้สรุปครึ่งแรกปีนี้ว่า สถานการณ์การผิดนัดชำระของตราสารหนี้ประเภทตั๋วแลกเงินหรือบี/อี ที่ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่องส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนต่อการลงทุนในตราสารดังกล่าว เป็นผลให้ปัจจุบันมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนในกลุ่มไฮยิลด์บอนด์ หรือตราสารหนี้ที่ผลตอบแทนสูงและมีความเสี่ยงสูงมีมูลค่าลดลงเหลือเพียง 9 หมื่นล้านบาท จากที่เคยสูงสุดกว่า 5.2 แสนล้านบาท

- กองทุนยักษ์ใหญ่เอเชียประกาศลดการลงทุนตลาดหุ้น มองผลตอบแทนต่ำไม่น่าสนใจ พร้อมหันลงทุนบริษัทนอกตลาดทดแทน โดยเฉพาะกองทุนซีไอซีของรัฐบาลจีนและเทมาเส็กโฮลดิ้งส์ของรัฐบาลสิงคโปร์ ด้านโบรกไทยชี้เป็นการลงทุนเพื่อหวังผลตอบแทนจากไอพีโอ ส่วนนักวิเคราะห์กองทุนเชื่อลงทุนหุ้นนอกตลาดความเสี่ยงสูง

- องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาทบทวนแผนฟื้นฟู ขสมก.ตามที่คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ได้เสนอให้ ขสมก.นำแผนฟื้นฟูกิจการกลับไปทบทวนเรื่องของความคุ้มค่าในด้านต่างๆ ให้มีความเหมาะสมเพียงพอจะดำเนินการได้ ส่วนเรื่องที่ คนร.ได้เร่งรัดเรื่องจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวี 489 คัน ที่ขณะนี้ติดปัญหาราคากลางนั้น เบื้องต้นยังไม่ทราบว่ามีข้อสรุปอย่างไร แต่คาดว่าในการประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) วันที่ 19 กรกฎาคมนี้ ทาง ขสมก.จะรายงานข้อสรุปให้ที่ประชุมบอร์ดทราบ

- สวทช.คาดการณ์ตลาดบริการสื่อสารโตก้าวกระโดดใน 5 ปี 20% มูลค่ากว่า 4 แสนล้านบาท เผยตลาดรวมปีนี้ยังโตต่อเนื่อง 9.5% ชี้ แนวโน้มหั่นราคาน้อยลง เน้นบริการเสริมไลฟ์สไตล์ องค์กรเปลี่ยนใช้ดิจิทัลมาถูกทางไทยแลนด์ 4.0

*หุ้นเด่นวันนี้

- BGRIM (บมจ. บี.กริม เพาเวอร์) เทรดวันนี้วันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) กลุ่มอุตสาหกรรมทรัพยากร หมวดธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค โดยเสนอราคาขาย IPO 16 บาท/หุ้น

         ทั้งนี้ BGRIM มีการซื้อเพื่อส่งมอบหุ้นที่จัดสรรเกิน จำนวน 65,100,000 หุ้น โดยมีบล.ภัทร เป็นผู้จัดหาหุ้นส่วนเกิน กำหนดวันที่เริ่มซื้อเพื่อส่งมอบหุ้นที่จัดสรรเกิน 19 ก.ค. 2560 ไปสิ้นสุดการซื้อเพื่อส่งมอบหุ้นที่จัดสรรเกิน 17 ส.ค. 2560 ราคาจองซื้อหลักทรัพย์ 16.00 บาท ผู้ให้สิทธิ Greenshoe Option คือ BGRIM

       บริษัทฯประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) โดยมีบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (แหลมฉบัง) 1 จำกัด เป็นบริษัทแกน บริษัทประกอบธุรกิจหลักด้านการผลิตและขายไฟฟ้า ไอน้ำ และธุรกิจที่เกี่ยวข้องทั้งในประเทศและต่างประเทศ

- DTAC (ธนชาต) "ซื้อ"เป้า 70 บาท กลยุทธ์เน้นกลุ่มลูกค้า Postpaid ที่มีค่าใช้จ่ายต่อเบอร์สูง ส่งผลให้กำไร 2Q60 ออกมาดีกว่าคาด และทำให้ปรับประมาณการกำไรปี 2561 เป็น 2 พันล้านบาท จากเดิมที่คาดว่าจะขาดทุน 800 ล้านบาท ด้วย EBITDA แข็งแกร่ง 2.8-3.0 หมื่นล้านบาท/ปี และ EV/EBITDA ปี 2561 ที่ 6.3x ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ 7.3x

- IVL (ทรีนีตี้) "ซื้อ"เป้า 47.50 บาท แนวโน้มไตรมาส 2-3 ดีต่อเนื่องจากทั้งปริมาณการขายเพิ่มขึ้นและส่วนต่างราคายังสูง บ่งบอก Up cycle ธุรกิจ โดยประเมินกำไรปกติไตรมาส 2 ที่ 4,782 ล้านบาท +8% qoq, 61%yoy เป็นผลจาก 1) ปริมาณการขายคาดเพิ่มใน Season ธุรกิจปิโตรเคมีที่ 2.31 ล้านตัน +5.6% qoq Flat yoy 2) แรงหนุนส่วนต่างราคายังสูงจากทั้ง PET และ PTA ประเมิน Core EBITDA ที่ 115 $/ton และไตรมาส 3 กำไรยังโตต่อเนื่องทั้งปริมาณขาย-ส่วนต่างราคา

- THANI (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 6.25 บาท กำไรสุทธิ 2Q60 ดีกว่าคาดและทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 258 ลบ. +5% Q-Q, +19% Y-Y จากรายได้ดอกเบี้ยและการควบคุมค่าใช้จ่าย ที่ดีกว่าคาด แนวโน้ม 2H60 จะดีขึ้น H-H จากการตั้งสำรองฯพิเศษที่จะครบใน 3Q60 และผ่อนคลายลงใน 4Q60 ขณะที่ PPOP ยังแข็งแกร่ง โดยมีแนวโน้มปรับประมาณการขึ้น

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงเช้านี้ ตามทิศทางดาวโจนส์

        ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในเช้าวันนี้ ตามทิศทางของดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดในแดนลบเมื่อคืน สืบเนื่องจากกระแสความวิตกของนักลงทุนที่ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ อาจไม่สามารถผลักดันกฎหมายประกันสุขภาพฉบับใหม่เพื่อบังคับใช้แทนกฎหมายฉบับเก่าของรัฐบาลชุดก่อนได้สำเร็จ ซึ่งจะส่งผลให้การผลักดันนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นๆของปธน.ทรัมป์ เกิดความล่าช้า

       ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 19,970.78 จุด ลดลง 29.13 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,181.40 จุด ลดลง 6.17 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 26,561.81 จุด เพิ่มขึ้น 36.87 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,472.81 จุด ลดลง 8.45 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,430.09 จุด เพิ่มขึ้น 4.05 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,303.01 จุด ลดลง 3.07 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,753.74 จุด ลดลง 1.18 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 7,974.45 จุด เพิ่มขึ้น 21.53 จุด

                ทั้งนี้ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับร่างกฎหมายประกันสุขภาพมีขึ้นหลังจากนายเจอร์รี มอร์แรน และนายไมค์ ลี สองวุฒิสมาชิกจากพรรครีพับลิกัน ประกาศว่าจะโหวตคัดค้านร่างกฎหมายประกันสุขภาพฉบับปรับปรุงใหม่ของวุฒิสภาซึ่งผลักดันโดยพรรครีพับลิกัน ซึ่งจะส่งผลให้ทางพรรคอาจไม่สามารถรวบรวมคะแนนเสียงจากวุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันให้เพียงพอต่อการผลักดันร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวให้ผ่านวุฒิสภาเพื่อนำไปบังคับใช้แทนกฎหมายโอบามาแคร์ของรัฐบาลชุดก่อน

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : หุ้นเอ็กซ์พีเรียนร่วงหนัก ฉุดฟุตซี่ปิดลบ 13.91 จุด

     ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลดลงเมื่อคืนนี้ (18 ก.ค.) จากแรงกดดันของรายงานผลประกอบการที่ย่ำแย่ของบริษัทเอ็กซ์พีเรียน ผู้ให้บริการข้อมูลการเงินรายใหญ่ของโลก ซึ่งฉุดหุ้นบริษัทดังกล่าวร่วงลงอย่างหนัก อย่างไรก็ตาม ดัชนี FTSE 100 ลดช่วงลบในระหว่างวัน จากอานิสงส์การที่ค่าเงินสกุลปอนด์ร่วงลง ภายหลังจากอังกฤษเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่ขยายตัวต่ำกว่าคาดการณ์

       ดัชนี FTSE 100 ลดลง 13.91 จุด หรือ -0.19% ปิดที่ 7,390.22 จุด

       ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อคืนนี้ ดัชนี FTSE 100 ร่วงลงจากแรงเทขายในหุ้นเอ็กซ์พีเรียน หลังมีรายงานว่า บริษัทผู้ให้บริการข้อมูลเครดิตรายนี้มีผลการดำเนินงานไตรมาสแรกที่ต่ำกว่าระดับคาดการณ์

      อย่างไรก็ตาม การร่วงลงของดัชนี FTSE 100 เมื่อคืนนี้ถูกสกัดโดยแรงซื้อในหุ้นบริษัทจดทะเบียนข้ามชาติบางแห่ง ซึ่งได้อานิสงส์จากการที่สกุลเงินปอนด์อ่อนค่าลง โดยค่าเงินสกุลปอนด์ดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในระหว่างวันที่ 1.3016 ดอลลาร์ ภายหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของอังกฤษปรับตัวขึ้นเพียง 2.6% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว หลังจากที่พุ่งขึ้น 2.9% ในเดือนพ.ค. ซึ่งถือเป็นสถิติทรุดตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2015 ส่งผลให้นักลงทุนลดคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางอังกฤษ (BOE)

       หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวลงเป็นส่วนใหญ่ โดยหุ้นริโอ ทินโต ลดลง 0.7% และหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ขยับลง 0.8%

       อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มผู้ผลิตแร่มีค่าปรับตัวขึ้น โดยหุ้นเฟรสนิลโล เพิ่มขึ้น 0.9% และหุ้นแรนด์โกลด์ รีซอสเซส เพิ่มขึ้น 0.7%

       หุ้นบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ที่น่าจับตา หุ้นรอยัล เมล พุ่งขึ้น 3.1% หลังบริษัทไปรษณีย์รายใหญ่ของอังกฤษรายนี้เปิดเผยว่า รายได้ในไตรมาสแรกของบริษัทขยายตัว 1%

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดร่วง วิตกเงินยูโรแข็งกระทบรายได้บริษัทส่งออก

       ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (18 ก.ค.) หลังจากสกุลเงินยูโรพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 14 เดือนเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทส่งออกของยุโรป นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากผลประกอบการที่ย่ำแย่ของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่

       ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1.1% ปิดที่ 382.58 จุด ซึ่งเป็นการปรับตัวลงหนักสุดนับตั้งแต่วันที่ 29 มิ.ย.

       ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,173.27 จุด ลดลง 56.90 จุด หรือ -1.09% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,430.39 จุด ลดลง 156.77 จุด หรือ -1.25% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,390.22 จุด ลดลง 13.91 จุด หรือ -0.19%

       ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินยูโรที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 14 เดือนเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ขณะที่นักลงทุนกังวลว่า การแข็งค่าของสกุลเงินยูโรจะส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัทส่งออกของยุโรป เนื่องจากยูโรที่แข็งค่าจะทำให้สินค้ามีราคาแพงขึ้นสำหรับลูกค้าต่างประเทศ

        ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีดิ่งลงอย่างหนักกว่า 1.2% หลังจากศูนย์วิจัยเศรษฐกิจยุโรป หรือ ZEW เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของเยอรมนีลดลง 1.1 จุด สู่ระดับ 17.5 จุดในเดือนก.ค. โดยดัชนีความเชื่อมั่นดังกล่าวยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 23.8 ซึ่งเป็นระดับเฉลี่ยในระยะยาว

        หุ้นอีริคสัน ดิ่งลง 15.6% ซึ่งเป็นการร่วงลงหนักสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2559 หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขขาดทุน 122.3 ล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2 ซึ่งมากกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

      ส่วนดัชนี Stoxx 600 กลุ่มธนาคาร ร่วงลง 6% หลังจากโกลด์แมน แซคส์ ธนาคารรายใหญ๋ของสหรัฐ เปิดเผยกำไรในไตรมาส 2 ที่ระดับ 3.95 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.39 ดอลลาร์/หุ้น แต่รายได้จากการซื้อขายตราสารหนี้ของโกลด์แมน แซคส์ ร่วงลงถึง 40%

      นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปยังได้รับแรงกดดันจากข่าวที่ว่า รัฐบาลกรีซได้เลื่อนแผนการออกพันธบัตรชุดใหม่ในตลาดพันธบัตรโลก เนื่องจากต้องรอผลการวิเคราะห์เสถียรภาพและความยั่งยืนของพันธบัตร จากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF)

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดลบ 54.99 จุด หลังหุ้นโกลด์แมนแซคส์ร่วง,วิตกกม.ประกันสุขภาพล่าช้า

      ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (18 ก.ค.) โดยได้รับปัจจัยกดดันจากการร่วงลงของหุ้นโกลด์แมน แซคส์ หลังจากทางธนาคารได้เปิดเผยรายได้จากการซื้อขายตราสารหนี้และรายได้จากธุรกิจเทรดดิ้งที่ปรับตัวลดลงอย่างมาก ขณะที่หุ้นกลุ่มประกันสุขภาพร่วงลง เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความล่าช้าของการออกกฎหมายประกันสุขภาพฉบับใหม่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อย่างไรก็ตาม การพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีได้หนุนดัชนี Nasdaq และ S&P500 ปิดทำนิวไฮ หลังจากบริษัทเน็ทฟลิกซ์เปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่ง

      ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,574.73 จุด ลดลง 54.99 จุด หรือ -0.25% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,460.61 จุด เพิ่มขึ้น 1.47 จุด หรือ +0.06% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,344.31 จุด เพิ่มขึ้น 29.87 จุด หรือ +0.47%

      หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ร่วงลง 2.6% แม้ว่าธนาคารเปิดเผยกำไรในไตรมาส 2 ที่ระดับ 3.95 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.39 ดอลลาร์/หุ้น และรายได้รายได้ 7.89 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 7.52 พันล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม รายได้จากการซื้อขายตราสารหนี้ของโกลด์แมน แซคส์ ร่วงลงถึง 40% และรายได้จากธุรกิจเทรดดิ้ง ร่วงลง 17%

       หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ปรับตัวลง 0.5% หลังจากธนาคารเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 2 ที่ระดับ 2.283 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.178 หมื่นล้านดอลลาร์ และกำไร 46 เซนต์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 43 เซนต์/หุ้น แต่รายได้จากธุรกิจเทรดดิ้ง ปรับตัวลง 9%

      หุ้นฮาร์เลย์-เดวิดสัน อิงค์ ผู้ผลิตมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์รายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 5.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรสุทธิในไตรมาส 2 ที่ระดับ 258.9 ล้านดอลลาร์ หรือ 1.48 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.38 ดอลลาร์/หุ้น อย่างไรก็ตาม ยอดขายทั่วโลกลดลง 6.7% ในไตรมาส 2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

    หุ้นกลุ่มประกันสุขภาพร่วงลง โดยหุ้นเอ็ทนา ปรับตัวลง 1.1% และหุ้นแอนเธ็ม ดิ่งลง 1.4% เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า ความล่าช้าของการออกกฎหมายประกันสุขภาพฉบับใหม่จะส่งผลกระทบต่อการออกกฎหมายปฏิรูปภาษี รวมทั้งกระทบต่อความพยายามในการผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของปธน.ทรัมป์

      ทั้งนี้ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับร่างกฎหมายประกันสุขภาพมีขึ้นหลังจากนายเจอร์รี มอร์แรน และนายไมค์ ลี สองวุฒิสมาชิกจากพรรครีพับลิกัน ประกาศว่า พวกเขาจะโหวตคัดค้านร่างกฎหมายประกันสุขภาพฉบับปรับปรุงใหม่ของวุฒิสภาซึ่งผลักดันโดยพรรครีพับลิกัน ซึ่งจะส่งผลให้ทางพรรคอาจไม่สามารถรวบรวมคะแนนเสียงจากวุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันให้เพียงพอต่อการผลักดันร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวให้ผ่านวุฒิสภาเพื่อนำไปบังคับใช้แทนกฎหมายโอบามาแคร์ของรัฐบาลชุดก่อน

      อย่างไรก็ตาม หุ้นยูไนเต็ดเฮลท์ กรุ๊ป อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทประกันสุขภาพรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ ปิดตลาดขยับขึ้น 0.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 2 ที่ระดับ 2.46 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.38 ดอลลาร์/หุ้น โดยได้แรงหนุนจากการขยายตัวของธุรกิจบริษัท

      หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้น ซึ่งช่วยหนุนดัชนี Nasdaq และ S&P500 ปิดทำนิวไฮ หลังจากบริษัทเน็ทฟลิกซ์เปิดเผยจำนวนผู้ใช้บริการสตรีมมิ่ง 5.2 ล้านรายในไตรมาส 2 โดยหุ้นเน็ทฟลิกซ์ พุ่งขึ้น 13.5% หุ้นเฟซบุ๊ก ดีดตัวขึ้น 2% และหุ้นอัลฟาเบท เพิ่มขึ้น 1.1%

      สำหรับ ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดเมื่อคืนนี้ สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านลดลง 2 จุด สู่ระดับ 64 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.ปีที่แล้ว และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 68

    นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนมิ.ย. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

อินโฟเควสท์

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!