หมวดหมู่: บริษัทจดทะเบียน

1aSansiri


แสนสิริ เปิดแผนธุรกิจ Sansiri Transformation สู่การขับเคลื่อนองค์กรครั้งใหญ่ ผนึกแผนครึ่งหลังเปิดอีก 16 โครงการใหม่ มูลค่ารวมกว่า 39,260 ลบ. พร้อมโชว์ผลงานครึ่งปีแรกกวาดยอดขายกว่า 15,000 ลบ. เติบโตเกือบ 20% เผยตลาดต่างชาติตอบรับดี สร้างยอดขายทะลุ 3,700 ล้านบาท

     แสนสิริ เปิดแผนธุรกิจ Sansiri Transformation กลยุทธ์ขับเคลื่อนองค์กรครั้งใหญ่ ภายใต้ 4 ด้านหลัก ได้แก่ การบริหารการเงิน - การบริหารการพัฒนาโครงการ –การบริหารกลยุทธ์การตลาด และการบริหารด้านเทคโนโลยี ก้าวสู่การเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำด้านเทคโนโลยีที่ครอบคลุมทุกแง่มุมของอสังหาริมทรัพย์และการอยู่อาศัย พร้อมเตรียมเปิดตัวอีก 16 โครงการใหม่ มูลค่ารวมกว่า 39,260 ล้านบาท มุ่งสานต่อพัฒนาโครงการร่วมทุนกับบีทีเอส พร้อมเล็งหาพันธมิตรทางธุรกิจเพิ่มเติม-รุกตลาดต่างชาติต่อเนื่อง-เปิดตัว ‘บ้านแสนสิริ’super hi-end ของแบรนด์บ้านเดี่ยวในไตรมาส 4-ลุยปั้นแบรนด์ HAUS หลังลูกค้าตอบรับดี และเดินหน้าส่งมอบนวัตกรรมเพื่อที่อยู่อาศัยใหม่ๆ เตรียมเปิดตัวผลงาน PropTech ชิ้นแรกเร็วๆ นี้ ขณะที่ผลประกอบการครึ่งแรกปี 2560 แข็งแกร่งน่าพอใจ ด้วยยอดขายรวมกว่า 15,000 ล้านบาท เติบโตเกือบ 20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ยอดขายตลาดต่างชาติโตต่อเนื่องกว่า 3,700 ล้านบาท มั่นใจสามารถบรรลุเป้าหมายยอดขายรวมทั้งปีที่ 36,000 ล้านบาทที่วางไว้ในปีนี้

       นายอภิชาติ จูตระกูล ประธานอำนวยการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา แสนสิริมีผลประกอบการที่น่าพึงพอใจ ด้วยยอดขายรวมประมาณ 15,000  ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วกว่า 20% และคิดเป็นกว่า 42% ของเป้าหมายยอดขายรวม 36,000 ล้านบาทที่ตั้งไว้ในปีนี้ สำหรับตลาดต่างชาติซึ่งเป็นตลาดสำคัญก็มียอดขายไปถึงประมาณ 3,700 ล้านบาท คิดเป็น 46% ของเป้าหมายยอดขายตลาดต่างชาติที่วางไว้ 8,000 ล้านบาท ซึ่งนับว่าเติบโตตามเป้าหมาย โดยในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทจะเดินหน้าเปิดตัวโครงการใหม่อีกประมาณ 16 โครงการ มูลค่ารวม 39,260 ล้านบาท พร้อมเปิดแผนธุรกิจ ‘Sansiri Transformation’ สู่การขับเคลื่อนองค์กรครั้งใหญ่ โดยมั่นใจว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายยอดขายทั้งปีที่วางไว้ นอกจากนี้ในปัจจุบัน แสนสิริยังมี Presale backlog หรือยอดขายรอรับรู้รายได้รวมทั้งหมดถึง 37,500 ล้านบาท ซึ่งสามารถรองรับการรับรู้รายได้ไปถึงอีก 4 ปีข้างหน้า

       “ไฮไลต์สำคัญของการดำเนินธุรกิจของแสนสิริในครึ่งปีหลังคือการเดินหน้าขับเคลื่อนองค์กรตามกลยุทธ์ ‘Sansiri Transformation’ หรือการรุกปรับองค์กรอย่างเต็มรูปแบบใน 4 ด้านเพื่อเสริมความแข็งแกร่ง โดยมีการจัดทัพทีมผู้บริหารที่มากประสบการณ์ในแต่ละด้าน ที่จะมาช่วยบริหารสู่การเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำด้านเทคโนโลยีที่ครอบคลุมทุกมิติของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และการอยู่อาศัยอย่างเต็มรูปแบบ” นายอภิชาติกล่าว

       สำหรับ กลยุทธ์ที่สำคัญ Sansiri Transformation มุ่งเน้นใน 4 ด้าน คือ การบริหารการเงิน - การบริหารการพัฒนาโครงการ –การบริหารกลยุทธ์การตลาด และการบริหารด้านเทคโนโลยี

•          Financial Transformation การบริหารด้านการเงิน นำโดยคุณวันจักร์ บุรณศิริ ประธานผู้บริหารสายงานการเงินและสนับสนุนธุรกิจ (Chief Financial Officer) หนึ่งในผู้บริหารที่ร่วมก่อตั้งบริษัทแสนสิริ

•          Project Transformation – การบริหารการพัฒนาโครงการทั้งปัจจุบันและในอนาคต นำโดย  คุณอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฎิบัติการ (Chief Operating Officer)

•          Marketing Transformation – การบริหารด้านกลยุทธ์การตลาด เพื่อให้สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ตรงกลุ่มและหลากหลายมากขึ้น นำโดยคุณอรุณภรณ์ ลิ่มสกุล รองกรรมการผู้จัดการสายงานการตลาด (Executive Vice President - Marketing Division)

•          Technology Transformation – การบริหารด้านเทคโนโลยีเพื่อก้าวสู่การเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำด้านเทคโนโลยีที่ครอบคลุมอสังหาริมทรัพย์และการอยู่อาศัยอย่างเต็มรูปแบบ นำโดย ดร. ทวิชา ตระกูลยิ่งยง ประธานผู้บริหารสายงานเทคโนโลยีและวิเคราะห์ข้อมูล (Chief Technology Officer)

      นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ (Chief Operating Officer) บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปี 2560 เรามีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 19 โครงการ มูลค่ารวม 44,460 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการบ้านเดี่ยว 9 โครงการมูลค่ารวม 19,400 ล้านบาท โครงการคอนโดมิเนียม 8 โครงการ มูลค่ารวม 24,200 ล้านบาท และโครงการทาวน์เฮ้าส์ 2 โครงการ มูลค่า 860 ล้านบาท โดยในช่วงครึ่งปีแรกแสนสิริได้พัฒนาไปแล้ว 3 โครงการ ส่งผลให้มียอดขาย (พรีเซลล์) รวมในช่วงครึ่งปีแรกประมาณ 15,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 42% จากเป้าหมายยอดขายรวม 36,000 ล้านบาทที่ตั้งไว้ในปีนี้แม้จะมีการเปิดตัวโครงการใหม่ค่อนข้างน้อยซึ่งแสดงถึงความสำเร็จจากการตอบรับที่ดีจากลูกค้า ขณะที่ในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทจะเดินหน้าเปิดตัวโครงการใหม่อีกประมาณ  16 โครงการ มูลค่ารวม 39,260 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 7 โครงการ มูลค่า 22,350 ล้านบาท บ้านเดี่ยว 8 โครงการ มูลค่า 16,150 ล้านบาท และทาวน์เฮาส์ 1 โครงการ มูลค่า 760 ล้านบาท

      นอกจากการพัฒนาโครงการใหม่ ปัจจัยที่ทำให้ยอดขายในช่วงครึ่งปีแรกประสบความสำเร็จตามที่คาดหวัง ยังมาจากการรุกตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงครึ่งปีแรก สามารถทำยอดขายได้ถึง 3,700 ล้านบาท คิดเป็น 46% ของเป้ายอดขายต่างชาติที่วางไว้เป็น 8,000 ล้านบาท โดยโครงการที่ได้รับความนิยมจากกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติมากที่สุด ได้แก่ โครงการคอนโดมิเนียมภายใต้ความร่วมมือระหว่างแสนสิริและบีทีเอส ‘แบรนด์ เดอะ ไลน์’โครงการเดอะ ไลน์ สุขุมวิท 101 โครงการ และเดอะ ไลน์ พหลฯ – ประดิพัทธ์ รวมถึงโครงการเดอะ เบส พัทยากลาง ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากลูกค้าชาวฮ่องกงและ จีน ลูกค้าชาวสิงคโปร์ และลูกค้าชาวไต้หวัน อีกปัจจัยที่สำคัญคือ การเปิดตัวโครงการ 98 WIRELESS มูลค่าโครงการรวม 8,700 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นแฟล็กชิพคอนโดมิเนียมของแสนสิริที่เปิดการขายอย่างเป็นทางการในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 60% รวมถึงโครงการคอนโดมิเนียมใน Affordable Segment ที่มียอดขายเพิ่มสูงขึ้นจากปีก่อน โดยสามารถปิดการขายโครงการคอนโดมิเนียม ‘ดีคอนโด’ได้ทั้งหมด 4 โครงการ ได้แก่ ดีคอนโด นิม เชียงใหม่, ดีคอนโด อ่อนนุช-พระราม 9, ดีคอนโด กาญจนวณิช และ ดีคอนโด กะทู้-ป่าตอง นอกจากนี้ยังสามารถปิดการขายโครงการคอนโดมิเนียมเดอะ เบส เซ็นทรัล พัทยา และบ้านเคียงฟ้า หัวหิน ในตลาดต่างจังหวัดอีกด้วย

       ทั้งนี้ แนวทางสำคัญในการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง ประกอบด้วย

      1. การสานต่อความสำเร็จของโครงการภายใต้บริษัทร่วมทุนกับบีทีเอส ด้วยการเดินหน้าตามแผนการเปิดโครงการภายใต้บริษัทร่วมทุนกับบีทีเอสในระยะยาว โดยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาพัฒนาไปแล้ว 8 โครงการ มูลค่ารวม 30,000 ล้านบาท โดยในช่วงครึ่งปีแรกนี้เปิดเพิ่มอีก 1 โครงการ ได้แก่เดอะ เบส เพชรเกษม มูลค่าโครงการ 1,900 ล้านบาท และในช่วงครึ่งปีหลังนั้นมีแผนจะเปิดเพิ่มอีก 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 10,000 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทยังมองหาพันธมิตรธุรกิจเพิ่มเติม เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจในอนาคตอีกด้วย

       2.การรุกตลาดระดับบน โดยเล็งเปิดตัว ‘บ้านแสนสิริ’ ซึ่งเป็นโครงการระดับ super hi-end ของแบรนด์บ้านเดี่ยวในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ หลังจากที่เคยประสบความสำเร็จจากโครงการ ‘บ้านแสนสิริ สุขุมวิท 67’ ในปี 2549

       3.การเดินหน้าบุกตลาดต่างประเทศอย่างเต็มพิกัด เพื่อรักษาความเป็นผู้นำบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไทยที่ลูกค้าต่างชาติให้การไว้วางใจจนครองส่วนแบ่งทางการตลาดสูงสุดเป็นปีที่ 4 โดยช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา สามารถสร้างยอดขายได้แล้วถึง 3,700 ล้านบาท และคาดว่าจะสามารถบรรลุเป้ายอดขายตลาดต่างชาติในปีนี้ที่ตั้งไว้ 8,000 ล้านบาทในช่วงครึ่งปีหลัง

       4. ต่อยอดการพัฒนาคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ ‘HAUS’ ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมสไตล์รีสอร์ท ที่มีส่วนกลางเป็นสวนขนาดใหญ่ ท่ามกลางธรรมชาติ ที่ผ่านมาประสบความสำเร็จไปแล้ว 2 โครงการ คือ ฮาสุ เฮาส์ (Hasu HAUS) โครงการแรก ตามด้วย โมริ เฮาส์ (Mori HAUS) ซึ่งเป็นโครงการที่ 2 ที่สามารถตอบไลฟ์สไตล์ลูกค้าที่ต้องการที่อยู่อาศัยใกล้ชิดธรรมชาติกลางเมืองใหญ่ โดยกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์  HAUS นั้น ส่วนใหญ่จะซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง รวมถึงทั้ง 2 โครงการที่เปิดขายยังมีชาวญี่ปุ่นให้ความสนใจจำนวนมาก

     5.การเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการอยู่อาศัย เพื่อสร้างนวัตกรรมใหม่ด้าน Property Technology อย่างเต็มรูปแบบเป็นรายแรกของไทย โดยในช่วงครึ่งปีหลังนี้จะได้เห็นการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยี ใหม่ๆ เข้ามาใช้ ทั้งในการดำเนินธุรกิจ การพัฒนาโครงการและบริการใหม่ๆ สำหรับลูกค้า อาทิ ‘Delivery Robot’ หุ่นยนต์ที่สามารถส่งอาหารหรือสิ่งของถึงหน้าประตูห้องของลูกบ้าน โดยวางแผนนำร่องใช้ในโครงการ เดอะ โมนูเมนต์ สนามเป้า เป็นโครงการแรก ในช่วงปลายปีนี้

     “ทั้งนี้ จากผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกของบริษัทที่เติบโตขึ้นเกือบ 20% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ผนวกกับภาพรวมแผนธุรกิจของแสนสิริในการก้าวสู่ Sansiri Transformation อย่างเต็มรูปแบบโดยทีมผู้บริหารที่แข็งแกร่ง รวมถึงปัจจัยอื่นๆ ที่เกื้อหนุนต่อการเติบโตขององค์กร แสนสิริจึงมั่นใจกว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้สำหรับปีนี้คือ 36,000 ล้านบาทได้อย่างแน่นอน” นายอภิชาติ กล่าวปิดท้าย

 

Sansiri kicks off corporate transformation for big move forward along with plan to launch 16 new projects worth Baht 39,260 million in second half of 2017

First half sales reaching Baht 15,000 million, growing almost 20% Y-O-Y, with strong sales from international markets exceeding Baht 3,700 million                                                                                

       Sansiri launched corporate transformation plan for a big move forward with focus on four areas – financial, project development, marketing and technology, on taking a further step toward becoming a leading real estate developer with unrivalled technology capability in all aspects of business and living experience. For the second half of 2017, the company planned to launch 16 new projects worth Baht 39,260 million, together with continue to jointly invest with BTS and explore additional partnership, expand international markets, develop new projects under the brand “HAUS” and drive the delivery of innovation for better living with the first prop tech launch in later 2017. Sansiri reported a strong performance for the first half with sales of Baht 15,000 million, representing almost 20% year-on-year growth, with sales from international markets reaching Baht 3,700 million. The company is confident of achieving its Baht 36,000 target sales for the entire year.    

        Mr. Apichart Chutrakul, Chief Executive Officer, Sansiri Public Company Limited revealed that “Our business performance for the first half of 2017 is strong with total sales of over Baht 15,000 million, representing 20% growth over the same period last year, and equal to 42% of sales target set for the entire year. International markets, which is our key focus, also achieved target, with sales of Baht 3,700, or 46% of 2017 sales target of Baht 8,000 million. For the second half, we plan to launch 16 new projects worth totally Baht 39,260 million, as well as introduce a range of fascinating innovations for better living. We are confident of achieving sales target of Baht 36,000 million by year end. Currently, our presale backlog accounted for Baht 37,500 million, and will be recognized as revenue in the next four years.”   

       “Business highlight in the second half is major corporate transformation with focus on four areas, together with appointment of high caliber management team, with aim to expedite the pace toward becoming a leading developer with unrivalled technology capability in all aspects of business and living experience,” added Apichart.

Sansiri Transformation fucuses on 4 areas: financial, project development, marketing and technology

  • Financial Transformation – led by Wanchak Buranasiri, Chief Financial Officer, one of Sansiri founders.
  • Project Transformation – covering both existing project management and new project development, led by Uthai Uthaisangsuk, Chief Operating Officer
  •       Marketing Transformation – devising new marketing strategy that better reaches target customers across more diversified segments, led by Arunporn Limskul, Executive Vice President - Marketing Division
  • Technology Transformation – implementing digital technology to become a leading developer with unrivalled technology capability in all aspects of business and living experience, led by Dr. Tawicha Trakulyingyong, Chief Technology Officer

Mr.Uthai Uthaisangsuk, Chief Operating Officer, Sansiri Public Company Limited, revealed that “In 2017, we plan 19 new projects in the pipeline, worth totally Baht 44,460 million, comprising 9 single house projects worth Baht 19,400 million, 8 condominium projects worth Baht 24,200 million and 2 town-house projects worth Baht 860 million. Among these, development of three projects has started during the first half, bringing presales of Baht 15,000 million, equal to 42% of sales target of Baht 36,000 set for the entire year. Despite the few number of new projects launched, the successful sales truly reflect excellent customer response. In the second half of the year, Sansiri plans to launch 16 new projects in the pipeline, worth totally Baht 39,260 million, comprising 7 condominium projects worth Baht 22,350 million, 8 single house projects Baht 16,150 million and one town-house project worth Baht 760 million in total.”   

The strong first-half performance was also due to success of sales in international markets, which accounted for Baht 3,700 million, or 46% of the entire year target of Baht 8,000 million. International markets sales were led by The Line Sukhumvit 101, The Line Phahon – Pradipat and The Base Central Pattaya, of which most foreign customers are from Hong Kong, China and Singapore. Another key factor is the launch of 98 Wireless, Sansiri’s flagship condominium worth Baht 8,700 million, of which 60% of units has been sold. Condominium projects in the affordable segment were also well-received with sales higher than last year, with all units sold out in 4 projects under the brand ‘dcondo’, comprising dcondo Nim Chiang Mai, dcondo Onnut – Rama 9, dcondo Campus Resort and dcondo Katu – Patong, and in other 2 projects i.e., The Base Central Pattaya and Baan Kiang Fah Hua Hin.    

Key business action plans for the second half of 2017 comprises:

  1. Continue to develop new projects under the long-term partnership with BTS – A total of 8 projects worth Baht 30,000 million have been developed during the past two years. In the first half of 2017, one new project – The Base Petchkasem, worth Baht 1,900 million, has been added to the portfolio. In the second half of 2017, three new projects worth totally Baht 10,000 million are planned to be launched. Sansiri also continues to explore additional partnership to strengthen its business in the future.  
  1. Development of new ‘Baan Sansiri’, super high-end single house project to be launched in the fourth quarter of 2017, after the huge success of Bann Sansiri Sukhumvit 67 launched in 2006.
  1. Continue international markets penetration as Thai real estate developer with highest share in international markets for four consecutive years. With sales in international markets in the first half accounted for Baht 3,700 million. Sansiri expected to achieve sales target of Baht 8,000 million in international markets in the second half.
  1. Continue the development of condominium project under the brand ‘HAUS’, resort-inspired housing with large garden and natural ambience. Two HAUS projects have been developed – HASU HAUS and Mori HAUS, and well-received among customers who prefer city living close to the nature, and appeals to many Japanese buyers. Most HAUS buyers are in real demand segment. 
  1. Development of technology for better living, as the first Thai real estate developer to invest in full-scale prop tech innovation. In the second half of 2017, Sansiri planned to introduce new technology and innovation for business operation, project development and customer services. Delivery robot for shipping food and package to resident’s front door will be first introduced in The Monument Sanampao later this year.

“With a strong year-on-year growth of almost 20% in our business performance in the first half, combined with full scale corporate transformation led by management team with high caliber, as well as other supporting factors, we are confident to achieve the sales target of Baht 36,000 million set the entire year,” added Apichart.       

 

SIRI มั่นใจยอดขายทั้งปีเข้าเป้า 3.6 หมื่นลบ.หลัง H1/60 ได้แล้ว 1.5 หมื่นลบ.เตรียมเปิดอีก 16 โครงการใหม่

       นายอภิชาติ จูตระกูล ประธานอำนวยการ บมจ.แสนสิริ (SIRI) เปิดเผยว่า ยอดขายรวมของบริษัทในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาทำได้ 1.5 หมื่นล้านบาท หรือเติบโต 20% จากครึ่งแรกของปีก่อนที่มียอดขายอยู่ที่ 1.48 หมื่นล้านบาท โดยส่วนหนึ่งเป็นการผลักดันยอดขายจากการเปิดโครงการใหม่จำนวน 3 โครงการ มูลค่ากว่า 5.2 พันล้านบาท ซึ่งลูกค้าให้การการตอบรับที่ดี

       อีกทั้ง บริษัทยังได้ปิดการขายโครงการทั่งในกรุงเทพและต่างจังหวัดหลายโครงการ นอกจากนี้ยังได้ยอดขายจากลูกค้าชาวต่างชาติเข้ามาสนับสนุนในครึ่งปีแรก 3.66 พันล้านบาท จากเป้าหมายยอดขายจากลูกค้าชาวต่างชาติในปีนี้ที่ 8 พันล้านบาท จากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ยอดขายในครึ่งปีแรกเติบโตได้ 20% จากช่วงเดืยวกันของปีก่อน และยังมั่นใจว่ายอดขายรวมในปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 3.6 หมื่นล้านบาท

      นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ SIRI กล่าวว่า ในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้บริษัทจะเปิดโครงการใหม่อีก 16 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 3.92 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น คอนโดมิเนียม 7 โครงการ มูลค่า 2.23 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการที่บริษัทพัฒนาเอง 4 โครงการ มูลค่า 1.23 หมื่นล้านบาท และโครงการที่พัฒนาร่วมกับ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้ง (BTS) 3 โครงการ มูลค่า 1 หมื่นล้านบาท

        ส่วนโครงการแนวราบจำนวน 4 โครงการใหม่ ได้แก่ โครงการบ้านเดี่ยว 8 โครงการ มูลค่า 1.61 หมื่นล้านบาท และโครงการทาวน์เฮาส์ มูลค่า 760 ล้านบาท ซึ่งการเปิดโครงการใหม่ในช่วงครึ่งปีหลังจะทำให้การเปิดโครงการใหม่ทั้งปี 60 เป็นไปตามแผนงานที่จะเปิด 19 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 4.46 หมื่นล้านบาท

      ขณะเดียวกัน ในช่วงครึ่งหลังของปี บริษัทยังเดินหน้าบุกตลาดต่างประเทศมากขึ้นเพื่อรักษาความเป็นผู้นำบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไทยที่ลูกค้าต่างชาติไว้วางใจ ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดสูงสุดเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน โดยในช่วงครึ่งปีหลังวางเป้าหมายยอดขายลูกค้าต่างชาติ 4.33 พันล้านบาท พร้อมกับเตรียมเปิดสำนักงานขายในจีนเพิ่มอีก 3 เมือง คือ เซี่ยงไฮ้ เซิ่นเจิ้น และกวางโจว จากปัจจุบันมีสำนักงานขายอยู่ที่สิงคโปร์และปักกิ่ง เพื่อรองรับการให้บริการลูกค้าทั้งการขายและบริการหลังการขาย

       ส่วนมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) ในปัจจุบันอยู่ที่ 3.75 หมื่นล้านบาท โดยบริษัทยังมั่นใจว่ารายได้ในปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 3.4 หมื่นล้านบาท

           อินโฟเควสท์ 

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!