หมวดหมู่: หอการค้า

CBธนวรรธน


ส่งออกทรุด-ภัยแล้งยาวนานเป็นปัจจัยลบหลัก-ลุ้นลงทุนภาครัฐทำได้ตามแผน คาดเงินหายจากระบบ 5 แสนล.

     แนวหน้า : ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย ลดเป้าจีดีพี ปี'59 ลง 0.5% ชี้ส่งออกที่หดตัว และปัญหาภัยแล้ง ทำให้เม็ดเงินหายไปจากระบบ กว่า 5 แสนล้านบาท ลุ้นมาตรการลงทุนภาครัฐ ปลุกกำลังซื้อ บวกอานิสงส์การท่องเที่ยว ช่วยพยุงตัวเลขเศรษฐกิจทั้งปีโตได้ตามเป้า ด้านแบงก์ชาติ รอดูตัวเลขคลังก่อนจะชี้ว่าศก.ฟื้นแค่ไหน  สมคิดปลุกใจ บอกไทยไม่ได้เลวร้าย

       นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยประมาณการภาวะเศรษฐกิจไทย ปี 2559-2560 ว่า ศูนย์พยากรณ์ฯ ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปี 2559 ลงเหลือ 3% ในกรอบ 2.5-3.5% จากเดิมที่คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวในกรอบ 3 - 3.5% ปรับลดการขยายตัวการส่งออกอยู่ที่ 0.8% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 2% และอัตราเงินเฟ้อทั่วไปตลอดปีนี้คาดอยู่ที่ 0.4% จากเดิม 1.4% เนื่องจากเศรษฐกิจโลกที่ยังขยายตัวไม่ชัดเจน การ ส่งออกที่ชะลอตัวปัจจัยเสี่ยงปัญหาประมง สหภาพยุโรปตัดสิทธิพิเศษทางการค้า ปัญหามาตรฐานการบิน ของไทย และเศรษฐกิจจีนยังมีแนวโน้มชะลอตัว รวมถึงค่าเงินบาทเริ่มมีแนวโน้มแข็งค่าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

     "ตัวเลขคาดการณ์การส่งออกที่ลดลงนั้น จะทำให้ เม็ดเงินหายไปจากระบบเศรษฐกิจ 400,000 ล้านบาท ส่วนภัยแล้งที่ยาวนาน ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ จะทำให้เงินหายไปจากระบบเศรษฐกิจประมาณ 120,000 ล้านบาท ซึ่งรวมเงินจะหายไปจากระบบเศรษฐกิจ 520,000 ล้านบาท"

       ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทย จะยังคงได้รับแรงหนุนจากการท่องเที่ยว ที่คาดว่ารายได้ของการท่องเที่ยวทั้งปีนี้จะเพิ่มเป็น 1.5 ล้านล้านบาท จากเดิม 1.4 ล้านล้านบาท มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ เช่น โครงการบ้านประชารัฐ มาตรการช้อปช่วยชาติ กองทุนหมู่บ้าน และหากรัฐเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ และลงทุนโครงสร้างพื้นฐานตามที่วางไว้ อีกทั้งอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ที่ระดับ 1.5% รวมถึงสถานการณ์การเมืองในประเทศที่มีเสถียรภาพ โดยภาพรวมอาจจะทำให้เม็ดเงินหมุนกลับเข้ามาในระบบเศรษฐกิจประมาณ 400,000 ล้านบาท ซึ่งจะทดแทนเม็ดเงินส่วนที่หายไป และเมื่อหักลบแล้วเงินจะหายไปจากระบบเศรษฐกิจประมาณ 100,000 ล้านบาท ซึ่งทำให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจลดลง 0.5% จากที่คาดการณ์ไว้เดิม

                อย่างไรก็ตาม มองว่าเศรษฐกิจไทยครึ่งปีแรกของปี 2559 จะ ขยายตัว 2.8%  ครึ่งปีหลังอยู่ที่ 3.3% โดยรัฐบาลควรเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐานตามที่ประกาศไว้ มีการแก้ไขปัญหาความยากจนแก้หนี้นอกระบบให้ ลดลง และส่งเสริมกลุ่มธุรกิจเริ่มต้นของผู้ประกอบการขนาดกลางและย่อม (สตาร์ทอัพ เอสเอ็มอี) ให้มีการใช้นวัตกรรม และเดินหน้าเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งหาก สามารถดำเนินการได้ก็จะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุน ความเชื่อมั่นผู้บริโภค และจะทำให้เศรษฐกิจครึ่งปีหลังขยายตัวดีขึ้น และเศรษฐกิจทั้งปีขยายตัวตามที่คาดไว้

      ส่วนในปี 2560 คาดว่า เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวที่ 3.4% ในกรอบ 2.9-3.9% ซึ่งขึ้นอยู่กับการฟื้นตัว ของเศรษฐกิจโลก ที่จะสนับสนุนการส่งออกของไทย การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เป็นรูปธรรม ขณะที่ส่งออกคาดว่าจะขยายตัว ที่ 3.1% ในกรอบ 2.1-4.1% และอัตราเงินเฟ้อทั้งปี 2560 อยู่ที่ 1.2% ในกรอบ 0.8-1.6% บนสมมุติฐานเศรษฐกิจโลกขยายตัว 3.5% การลงทุนภาครัฐ ขยายตัว 20% อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย 1.5% อัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐ 0.91% ราคาน้ำมันดิบ ดูไบ 43.01 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล อัตราแลกเปลี่ยน 34.98 บาทต่อเหรียญสหรัฐ และจำนวนนักท่องเที่ยว 34.51 ล้านคน

   ด้านนายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. เปิดเผยภายหลังเปิดงาน มหกรรมการเงิน ครั้งที่ 16  Money Expo 2016 ว่า เศรษฐกิจไทยยังฟื้นตัวต่อเนื่องอย่างค่อยเป็นไปค่อยไป แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตามอง คือ ความไม่แน่นอนของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก สถานการณ์ภัยแล้งที่รุนแรงและยาวนานกว่าที่ประเมินไว้ ประกอบกับแม้เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวแต่ยังไม่กระจายตัวไปในบางกลุ่มที่ยังคงเปราะบางอยู่ รวมถึงยังต้องติดตามตัวเลขอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพี ในไตรมาสแรก ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สศช.ว่าจะออกมาเป็นอย่างไร

       "ธปท.จะปรับประมาณการขยายตัวของจีดีพี ในปีนี้จากปัจจุบันที่ 3.1 % หรือไม่นั้น คงจะต้องติดตามตัวเลขจีดีพีในวันที่ 16 พฤษภาคมนี้ เนื่องจากเห็นว่าปัจจัยเสี่ยงที่เกิดขึ้นในไตรมาสแรกของปีนี้นั้น บางปัจจัยเป็นเพียงปัจจัยชั่วคราวเท่านั้น เช่น ภาวะเศรษฐกิจจีน ความผันผวนในตลาดการเงินและตลาดทุน เป็นต้น"

        ขณะที่บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด โดย นางสาววัฒนา ถิรานุชิต กรรมการผู้จัดการ ได้จัดแถลงข่าวเพื่อสรุปภาพรวมเศรษฐกิจปี 2559 โดยระบุว่า  ดัชนีทางเศรษฐกิจของไทยในช่วงไตรมาสแรกของปี 2559 แสดงถึงการฟื้นตัวเล็กน้อยของการบริโภคของภาคเอกชนและการเพิ่มขึ้นของผลผลิตและราคาสินค้าเกษตร อย่างไรก็ดี มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐยังคงมีความจำเป็นเพื่อกระตุ้นการบริโภค และการลงทุนของภาคเอกชน  ส่วนภาวะเศรษฐกิจปี 2559 ทั้งปีคาดว่าจะยังคงอ่อนตัว โดยมีอัตราการขยายตัวระหว่าง 2.7% -3.0% โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักจากมาตรการของรัฐบาลในการกระตุ้นการบริโภคในประเทศ และการลงทุนโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการลงทุนของภาคเอกชน รวมทั้งการฟื้นตัวของราคาสินค้าเกษตรที่จะส่งผลต่อรายได้ของเกษตรกร ในขณะที่ปัจจัยลบที่ยังคงอยู่ได้แก่การฟื้นตัวที่ต่ำกว่าคาด ของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่สำคัญของประเทศไทยโดยเฉพาะ จีน อาเซียน และญี่ปุ่น ในขณะที่มาตรการที่มีลักษณะเป็นการกีดกันทางการค้าสินค้าเกษตรส่งออกของไทยโดยอเมริกาและยุโรปมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น รวมทั้งผลกระทบ จากภาวะภัยแล้งและสภาพภูมิอากาศที่อาจกระทบต่อผลผลิตในประเทศ

      นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงานมหกรรมการเงิน ครั้งที่ 16 (มันนี่ เอ็กซ์โป 2016)  ว่า เศรษฐกิจไทยจะดีขึ้นเรื่อยๆ ดูจากบรรยากาศในงานคึกคักมาก เพราะเศรษฐกิจไทยขึ้นอยู่กับจิตใจคนไทยที่ต้องเข็มแข็ง  อย่ามองโลกในแง่ร้าย จนเกินไป และต้องมองไปข้างหน้าแม้จะมีอุปสรรคบ้าง  นอกจากนี้ยังมีข่าวดี บริษัท เอ.ที.เคียร์นีย์ หรือ A.T.Kearney ซึ่งเป็นที่ปรึกษาระดับโลก เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นการลงทุนระหว่างประเทศ ประจำปี 2559 โดยพบว่า  ประเทศไทยติดอันดับที่ 21 ของประเทศที่มีความเชื่อมั่นด้านการลงทุน ซึ่งเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ไทยไม่ติด 1 ใน 25 ของการจัดอันดับบริษัทดังกล่าว สะท้อนความเชื่อมั่นจากนักลงทุนทั่วโลก อย่างไรก็ตาม แม้จะมีข่าวดีแต่ไม่ค่อยได้รับความสนใจ เพราะมีแต่ข่าวเชิงลบเต็มหน้าหนังสือพิมพ์ เป็นทำให้ความเชื่อมั่นของคนไทยฝ่อลง แต่รัฐบาลไม่ย่อท้อ

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!